กรุงเทพฯ--22 พ.ย.--ออราเคิล
ออราเคิลเปิดเผยว่า บริษัทฯ ครองตำแหน่งผู้นำตลาดระบบการจัดการฐานข้อมูลเชิงสัมพันธ์ (Relational Database Management Systems - RDBMS) ในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก ไม่รวมญี่ปุ่น (APEJ)(1) ตามรายงานของไอดีซีเกี่ยวกับรายได้จากซอฟต์แวร์ในเอเชีย-แปซิฟิก ในช่วงครึ่งแรกของปี 2550
รายงานตลาดซอฟต์แวร์ครึ่งปีในเอเชีย/แปซิฟิก, กันยายน 2550 (“Asia/Pacific Semi-Annual Software Tracker, September 2007”) ของไอดีซี ระบุว่า ออราเคิลรั้งตำแหน่งผู้นำตลาดด้วยส่วนแบ่งตลาด 53 เปอร์เซ็นต์ โดยเพิ่มขึ้น 19 เปอร์เซ็นต์เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ยอดรายได้จากซอฟต์แวร์ของออราเคิลในช่วงครึ่งแรกของปี 2550 อยู่ที่ 373 ล้านดอลลาร์ ทั้งนี้ ออราเคิลมีส่วนแบ่งตลาดเพิ่มขึ้นเกือบ 4 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับครึ่งหลังของปี 2549 ซึ่งส่วนแบ่งตลาดอยู่ที่ 50 เปอร์เซ็นต์ บริษัทฯ ครองส่วนแบ่งตลาดมากกว่า 2 เท่า เมื่อเทียบกับคู่แข่งที่ใกล้เคียงกันที่สุดในตลาด RDBMS ซึ่งมีส่วนแบ่งตลาดอยู่เพียง 21 เปอร์เซ็นต์ สำหรับในประเทศไทยนั้น ออราเคิลเป็นผู้นำตลาด RDBMS โดยครองส่วนแบ่งตลาด 50 เปอร์เซ็นต์
“ด้วยการสร้างสรรค์นวัตกรรมอย่างไม่หยุดยั้ง ทำให้ออราเคิลรั้งตำแหน่งผู้นำตลาดฐานข้อมูลเชิงสัมพันธ์ในเอเชีย-แปซิฟิก โดยมีส่วนแบ่งตลาดเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง” มร. โรเจอร์ สก็อต รองประธานฝ่ายที่ปรึกษาด้านการขายเทคโนโลยีของออราเคิล เอเชีย-แปซิฟิก กล่าว “Oracle Database 11g นับเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ที่ปฏิวัติวงการฐานข้อมูล โดยลูกค้าจะได้รับประโยชน์จากฟีเจอร์ที่โดดเด่น เช่น การสแตนด์บายแบบแอคทีฟ การทดสอบการใช้งานจริง และการบีบอัดข้อมูลทุกชนิด ซึ่งจะช่วยปรับปรุงประสิทธิภาพ เพิ่มเสถียรภาพ และลดค่าใช้จ่ายของระบบไอที”
เป็นผู้นำอย่างต่อเนื่องในนวัตกรรมฐานข้อมูลด้วยการเปิดตัว Oracle Database 11g
ในช่วงไตรมาสแรกของปีงบประมาณ 2551 ออราเคิลได้เปิดตัว Oracle Database 11g ซึ่งประกอบด้วยฟีเจอร์ใหม่ๆ ที่เป็นนวัตกรรม เช่น Oracle Active Data Guard, Oracle Real Application Testing และ Oracle Advanced Compression ด้วยฟีเจอร์มากกว่า 400 รายการ การพัฒนา 36,000 เดือน และการทดสอบ 15 ล้านชั่วโมง ทำให้ Oracle Database 11g จึงช่วยเพิ่มความสะดวกในการบริหารจัดการข้อมูลภายในองค์กร ทั้งยังช่วยให้ลูกค้าเข้าใจเกี่ยวกับธุรกิจได้มากขึ้นและสร้างสรรค์นวัตกรรมได้รวดเร็วขึ้น
นอกจากนี้ ออราเคิลยังได้เปิดเผยผลการทดสอบที่ทำลายสถิติโลกในเรื่องราคา/ประสิทธิภาพบนเบนช์มาร์ก TPC-C ซึ่งรัน Oracle® Database 11g บน Windows[1
] ทั้งนี้ Oracle Database 11g Standard Edition One รองรับการประมวลผลทรานแซคชั่นได้มากถึง 102,454 ทรานแซคชั่นต่อนาที โดยระดับราคา/ประสิทธิภาพอยู่ที่ $.73/tpmC ซึ่งนับว่ามีประสิทธิภาพสูงกว่าคู่แข่งที่ใกล้เคียงกันที่สุดถึง 24 เปอร์เซ็นต์ แต่ค่าใช้จ่ายกลับน้อยกว่า 13 เปอร์เซ็นต์
ลูกค้าใหม่ที่เลือกใช้ฐานข้อมูลของออราเคิลในช่วงไตรมาสแรกของปีงบประมาณ 2551 ในประเทศไทย ได้แก่ บริษัท โกลว์ (ประเทศไทย) บริษัท โฮยาเลนส์ (ประเทศไทย) บริษัท ทาทา สตีล (ประเทศไทย) และบริษัท หยั่นหว่อหยุ่น (ประเทศไทย) ส่วนลูกค้าใหม่ในเอเชีย-แปซิฟิก ไม่รวมญี่ปุ่น ได้แก่ Alcatel (ออสเตรเลีย), Alibaba Group (จีน), Amna Investment (ศรีลังกา), AU Optronics Corp (ไต้หวัน), Bank of East Asia (ฮ่องกง), Changsha Military and Technology University (จีน), หน่วยงานภาษีธุรกิจ รัฐบาลของแคว้นราชาสถาน (อินเดีย), Dah Sing Bank (ฮ่องกง), หน่วยงานตรวจคนเข้าเมือง (ศรีลังกา), GreatWall Information Industry (จีน), หน่วยงานสาธารณสุขประจำมณฑลหูหนาน (จีน), สำนักงานสถิติมณฑลหูหนาน (จีน), เทศบาลเมือง Iksan (เกาหลี), สำนักงานที่ดินและทรัพยากรในเขตจีหยวน (จีน), Kodeco Energy (อินโดนีเซีย), Korea Exchange (เกาหลี), Lianyuan Iron & Steel Group (จีน), ศูนย์การค้าสิทธิการขุดแร่มณฑลเหลียวหนิง (จีน), PT BNI Multifinance (อินโดนีเซีย), PT Patra Nusa Data (อินโดนีเซีย), PT Bank Central Asia (อินโดนีเซีย), SK Telecom (เกาหลี), Shenzhen Airlines (จีน), Sunghwa College (เกาหลี), คณะกรรมการไฟฟ้าแห่งทมิฬ นาดู (อินเดีย), บริษัท ทาทา สตีล (ประเทศไทย), Tata Tele Services Ltd (อินเดีย), Xiangya Hospital of Center-South University (จีน) และบริษัท หยั่น หว่อ หยุ่น (ประเทศไทย)
หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Oracle Database 11g คลิกไปที่: http://www.oracle.com/database