บลจ.บีที ออก FIF“โกลด์ลิงค์ 3”1,500 ล้านบาท ผู้ลงทุนมีโอกาสได้รับผลตอบแทนจาก “ราคาทองและค่าเงิน”

ข่าวทั่วไป Thursday November 22, 2007 15:28 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--22 พ.ย.--บลจ.บีที
บลจ.บีที ขยายแนวรบ FIF ด้วยการออก “กองทุนปิด 1 ปี บีที โกลด์ ลิงค์ ฟันด์ 3” เสนอขายผู้ลงทุนไทย ด้วยเงื่อนไขเพียงหนึ่งเดียวในวงการขณะนี้ กล่าวคือ (1) เป็นกองทุนที่ลงทุนในตราสารหนี้ต่างประเทศที่ผลตอบแทนอิงราคาทองคำโดยจะมีโอกาสได้รับผลตอบแทนไม่ว่าราคาทองจะขึ้นหรือลง หากราคาทองราคาอยู่ในกรอบของราคาปิดแต่ละสัปดาห์ และลงทุนในสกุลดอลลาร์ออสเตรเลีย ผู้ลงทุนจึงมีโอกาสได้รับผลตอบแทนจากอัตราแลกเปลี่ยนอีกส่วนหนึ่งด้วย เผยเปิดขายแน่นอน 23 พ.ย. — 4 ธ.ค.นี้
นายอนุสรณ์ บูรณกานนท์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน บีที จำกัด เปิดเผยว่า ในวันที่ 23 พฤศจิกายนนี้ บลจ.บีที จะเปิดตัวกองทุนรวมที่ลงทุนในต่างประเทศ หรือ FIF เพิ่มขึ้นอีก 1 กองทุน ในชื่อ “บีที FIF โกลด์ ลิงค์ ฟันด์ 3” (BT FIF Gold Linked Fund 3: BT-FIF-GLF 3) ซึ่งเป็นกองทุนรวมตราสารหนี้ลงทุนในต่างประเทศ มูลค่า 1,500 ล้านบาท มีอายุโครงการ 1 ปี โดยตราสารหนี้ต่างประเทศ จะจ่ายผลตอบแทนอ้างอิงกับราคาทองคำ แต่จะมีจุดเด่นที่แตกต่างจากการลงทุนในทองคำโดยตรง เพราะกองทุน BT-FIF-GLF 3 นี้ ผู้ลงทุนจะมีโอกาสได้รับผลตอบแทนจากราคาทองคำทั้งขาขึ้นและขาลง หากว่าการแกว่งตัวของราคาทองคำอยู่ในช่วงที่กำหนดไว้
นายอนุสรณ์ กล่าวว่า จุดเด่นที่สำคัญๆของกองทุน BT-FIF-GLF 3 นั้นมีหลายประการ ไม่ว่าจะเป็นในด้านการบริหารความเสี่ยง ซึ่งสามารถกล่าวได้ว่าเป็นกองทุนที่มีความเสี่ยงของเงินต้นต่ำ เนื่องจากตราสารหนี้ต่างประเทศที่ไปลงทุนนั้น มีอันดับความน่าเชื่อถือ หรือเรตติ้ง ที่ระดับ A- ในขณะที่ตราสารหนี้ที่มีอันดับความน่าเชื่อถือของประเทศไทยปัจจุบัน อยู่ที่ BBB ซึ่งถือว่าตราสารหนี้ที่ไปลงทุนนั้นมีความน่าเชื่อถือสูงกว่าของประเทศไทย ในขณะเดียวกันยังมีโอกาสที่จะมีผลกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนจากกรณีแนวโน้มของค่าเงินบาทอ่อนตัวลงเมื่อเทียบกับเงินสกุลออสเตรเลียด้วย
“กองทุน BT-FIF-GLF 3 จะอิงกับสกุลเงินออสเตรเลีย ซึ่งจุดที่น่าสนใจสำหรับนักลงทุนคือ ความผันผวนของราคาทองคำอยู่ในกรอบที่กำหนด และยังจะได้โอกาสกำไรในเรื่องของอัตราแลกเปลี่ยนด้วย เนื่องจากแนวโน้มเศรษฐกิจและอัตราดอกเบี้ยของออสเตรเลีย อยู่ในระดับที่สูงกว่าไทย จึงเท่ากับเป็นการเพิ่มโอกาสรับผลตอบแทนแก่ผู้ลงทุน”
กรรมการผู้จัดการ บลจ.บีที เปิดเผยว่า การที่ บลจ. บีที เลือกการลงทุนในลักษณะของการอิงกับความเคลื่อนไหวของราคาทองคำ แทนที่จะลงทุนในทองคำโดยตรงเหมือนกับกองทุนอื่นๆนั้น เพราะหากกองทุนเข้าไปลงทุนในทองคำโดยตรง ผู้ลงทุนจะได้รับผลตอบแทนเฉพาะเมื่อราคาทองคำอยู่ในทิศทางขาขึ้น หรือราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้นเพียงอย่างเดียวเท่านั้น หากราคาทองปรับตัวลงมาเป็นขาลง ผู้ลงทุนในทองคำโดยตรงจะขาดทุน แต่สำหรับ BT-FIF-GLF 3 เป็นการลงทุนในอนุพันธุ์ ที่ผลตอบแทนอิงกับราคาทองคำ ซึ่งจะสามารถให้ผลตอบแทนต่อนักลงทุนได้ทั้งขาขึ้นและขาลงของราคาทองคำ โดยขอเพียงการเคลื่อนไหวของราคาอยู่ในช่วงที่ได้ตกลงกันเอาไว้ และหากในแต่ละสัปดาห์ ราคาทองคำไม่หลุดช่วงจากราคากลางที่ตกลงกัน ก็จะได้รับผลตอบแทน 9% ต่อปี แต่หากสัปดาห์ใดที่ราคาทองคำผันผวนจนหลุดช่วงราคาที่ตกลงกัน ในสัปดาห์นั้นอัตราผลตอบแทนจะเท่ากับ 0% เฉพาะในสัปดาห์นั้นเท่านั้น
นายอนุสรณ์กล่าวว่า สำหรับระดับของราคาทองคำในปัจจุบัน เชื่อว่า โอกาสที่จะผันผวนจนหลุดจากช่วงที่ตกลงกันไว้นั้นไม่ใช่เรื่องง่าย เนื่องจากแนวโน้มของราคาทองในขณะนี้ค่อนข้างผันผวนมากอยู่แล้ว พิจารณาได้จากกองทุน BT-FIF-GLF 2 ที่ บลจ.บีทีได้เปิดขายไปก่อนหน้านี้ โดยพบว่า เฉลี่ยแล้ว 57% อยู่ในช่วงราคาที่กำหนด กล่าวคือในช่วง 7 สัปดาห์ (ตั้งแต่วันที่ 18 ก.ย.50ถึงวันที่ 30 ต.ค.50) ราคาทองคำผันผวนอยู่ในช่วงที่กำหนดถึง 4 สัปดาห์
“สำหรับ BT-FIF-GLF 3 นี้ต้องถือว่าออกมาในจังหวะเวลาที่น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง เป็นทางเลือกที่น่าสนใจ สำหรับผู้ลงทุนได้พิจารณาในภาวะที่ทิศทางของอัตราดอกเบี้ยของไทยเป็นขาลง และที่สำคัญเป็นกองทุนที่มีการบริหารความเสี่ยงในระดับที่ลงทุนได้ ถือเป็นจังหวะทางเลือกที่น่าสนใจ ของผู้ที่มีเงินเย็นและสนใจที่จะลงทุนในช่วงนี้”นายอนุสรณ์กล่าวในที่สุด
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมติดต่อ
Morrakot Jiranitirat
Pubilc Relations Office
Tel: 0-2638-8249
E-mail: morrakot.jiranitirat@bankthai.co.th

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ