พม.หนุนขับเคลื่อนนโยบายป้องกันและแก้ไขปัญหาความรุนแรงในเด็ก

ข่าวทั่วไป Wednesday August 31, 2011 10:41 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--31 ส.ค.--พม. วันนี้ (๓๑ ส.ค.๕๔) เวลา ๐๙.๐๐ น. กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ โดยสำนักงานส่งเสริมสวัสดิภาพและพิทักษ์เด็กและพิทักษ์เด็ก เยาวชน ผู้ด้อยโอกาส และผู้สูงอายุ (สท.) จัดการประชุมสรุปผลภาพรวมของการวิจัย เรื่อง“การกระทำความรุนแรงต่อเด็ก”และนำเสนอร่างนโยบายและยุทธศาสตร์ระดับชาติด้านการป้องกันและแก้ไขปัญหาความรุนแรงต่อเด็กและเยาวชน โดยมีผู้แทนจากหน่วยงานภาครัฐ องค์การระหว่างประเทศ และองค์กรพัฒนาเอกชนทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาค รวมทั้งผู้ทรงคุณวุฒิที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญในงานพัฒนาเด็กและเยาวชน จำนวน ๓๕๐ คน เข้าร่วมประชุมและให้ข้อเสนอแนะในการปรับปรุงร่างนโยบายและยุทธศาสตร์ฯ ณ โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ คอนเวนชั่น กรุงเทพฯ นายสมชาย เจริญอำนวยสุข ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมสวัสดิภาพและพิทักษ์เด็กและพิทักษ์เด็ก เยาวชน ผู้ด้อยโอกาส และผู้สูงอายุ (สท.) กล่าวว่า ถึงแม้ปัจจุบันประเทศไทย จะมีการพัฒนามาตรการทางกฎหมายได้แก่ พระราชบัญญัติคุ้มครองเด็ก พ.ศ. ๒๕๔๖ และพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ถูกกระทำด้วยความรุนแรงในครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๐ แต่ปัญหาความรุนแรงต่อเด็กก็ยังคงทวีความรุนแรงขึ้น เหตุจากสังคมไทยยังไม่ค่อยรับรู้หรือให้ความสนใจเรื่องความรุนแรงที่เกิดขึ้นกับเด็ก โดยมักมองว่าเป็นเรื่องภายในครอบครัว จึงทำให้เด็กซึ่งเป็นบุคคลที่จะต้องได้รับการคุ้มครองจากความรุนแรง กลายเป็นผู้ที่ได้รับผลกระทบทั้งด้านร่างกาย จิตใจ และสติปัญญา ซึ่งส่งผลต่อพัฒนาการทางร่างกายและจิตใจของเด็ก การปรับตัวเข้ากับผู้อื่น รวมทั้งปัญหาพฤติกรรมการใช้ความรุนแรงกับผู้อื่นต่อไปอีกด้วย ทั้งนี้ การจะกำหนดนโยบายที่เหมาะสมและมีประสิทธิภาพนั้น จะต้องมีการศึกษาสภาพปัญหาที่เกิดขึ้นจริงในปัจจุบันก่อน กระทรวงการพัฒนาสังคมฯ โดยสำนักงานส่งเสริมสวัสดิภาพและพิทักษ์เด็กและพิทักษ์เด็ก เยาวชน ผู้ด้อยโอกาส และผู้สูงอายุ (สท.) จึงได้ร่วมกับสำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษาและองค์การทุนเพื่อเด็กแห่งสหประชาชาติ ดำเนินการศึกษาวิจัย เรื่อง“การกระทำความรุนแรงต่อเด็ก”เพื่อทราบถึงสถานการณ์การใช้ความรุนแรงต่อเด็กในครอบครัว สถานศึกษา และสถาบันต่างๆ ที่ให้การดูแลเด็ก เก็บข้อมูลจากแบบสอบถามและแบบสัมภาษณ์จากกลุ่มตัวอย่าง ซึ่งประกอบด้วยกลุ่มเด็กในระบบโรงเรียน และเด็กกลุ่มพิเศษ เช่น เด็กในสถานสงเคราะห์ สถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน และกลุ่มชาติพันธุ์ กลุ่มพ่อแม่ผู้ปกครองของเด็กในระบบโรงเรียน กลุ่มครูและผู้ดูแลเด็ก รวมทั้งสิ้น ๕๐,๕๔๔ คน โดยได้มีการนำเสนอผลการศึกษาตามกลุ่มเป้าหมายต่างๆ แล้ว ในช่วงวันที่ ๒๙ — ๓๐ สิงหาคม ๒๕๕๔ ที่ผ่านมา จากผลการศึกษาพบว่า เด็กถูกกระทำความรุนแรงทั้งทางกาย วาจา และเพศ โดยเฉพาะการกระทำความรุนแรงจากคนในครอบครัว ดังนั้น ในวันนี้จะได้นำเสนอผลการศึกษาในภาพรวม รวมทั้งร่างนโยบายและยุทธศาสตร์ระดับชาติด้านการป้องกันและแก้ไขปัญหาความรุนแรงต่อเด็กและเยาวชน เพื่อเป็นเวทีให้ผู้เข้าร่วมประชุมได้พิจารณาให้ข้อเสนอแนะ ข้อคิดเห็น เพื่อปรับปรุงร่างนโยบายและยุทธศาสตร์ฯ ให้ครอบคลุมและชัดเจนยิ่งขึ้น ก่อนจะเสนอให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาให้ความเห็นชอบ และใช้เป็นแผนแม่บทในการดำเนินงานด้านการป้องกันและแก้ไขปัญหาความรุนแรงต่อเด็กต่อไป นายสมชาย กล่าวต่อว่า สำหรับในร่างนโยบายฯ ได้เสนอวิสัยทัศน์ว่า “เด็กและเยาวชนในสังคมไทย ปลอดภัยจากความรุนแรงทุกรูปแบบ” ประกอบไปด้วย ๗ ยุทธศาสตร์หลัก ได้แก่ ๑. ยุทธศาสตร์การป้องกันการกระทำความรุนแรง โดยรณรงค์ให้ความรู้ เสริมสร้างเจตคติไม่ยอมรับความรุนแรง ๒. ยุทธศาสตร์การคุ้มครอง ช่วยเหลือ และเยียวยา ฟื้นฟูเด็กและเยาวชนที่ประสบปัญหาความรุนแรงและเป็นผู้กระทำความรุนแรง เพื่อกลับคืนสู่สังคมอย่างมีคุณภาพ โดยมีระบบบริการแบบเบ็ดเสร็จแบบจุดเดียว (One Stop Crisis Centre) ที่ครอบคลุมและเข้าถึงได้ในทุกพื้นที่ เพื่อให้การปรึกษาแนะแนว ดูแลช่วยเหลือเด็กและเยาวชนที่ถูกกระทำความรุนแรง ๓. ยุทธศาสตร์ด้านกฎหมาย โดยปรับปรุงกฎ ระเบียบ ข้อบังคับให้มีความเหมาะสม ๔. ยุทธศาสตร์กลไกระดับชาติ ระดับพื้นที่ และการบริหารจัดการ จัดทำระบบฐานข้อมูลเกี่ยวกับความรุนแรง ระบบเฝ้าระวัง ๕.ยุทธศาสตร์การประสานงานและส่งเสริมการมีส่วนร่วม ส่งเสริมความร่วมมือทุกภาคส่วน ร่วมเฝ้าระวัง ป้องกัน และแก้ไขปัญหาความรุนแรง ๖. ยุทธศาสตร์การพัฒนาองค์ความรู้และการวิจัย ส่งเสริมให้มีการศึกษาวิจัย สาเหตุ ปัจจัยที่เกี่ยวข้อง และผลกระทบของความรุนแรงต่อเด็กและเยาวชน ๗. ยุทธศาสตร์ความร่วมมือกับต่างประเทศ ส่งเสริมความร่วมมือระหว่างประเทศทั้งในระดับทวิภาคี พหุภาค และระดับภูมิภาค.

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ