กรุงเทพฯ--9 ก.ย.--เอ็มทีเอส โกลด์ ฟิวเจอร์
ข้อมูลทองคำวันนี้
- ราคาสมาคม เปิดที่ 26,400-26,500
- ราคา Gold Spot เปิดที่ 1,861
- อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาท 30.02-30.05
- GFQ11 Hi- Low 26,500-25,870 ปิดที่ 26,330
Gold & Silver Insight
สัญญาทองคำ และ โลหะเงินตลาด COMEX ส่งมอบเดือนธ.ค.พุ่งขึ้น 39.9 ดอลลาร์ หรือ 2.2% ปิดที่ 1,857.5 ดอลลาร์/ออนซ์ สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนธ.ค.พุ่งขึ้น 89.9 เซนต์ ปิดที่ 42.53 ดอลลาร์/ออนซ์ เนื่องจากจำนวนคนว่างงานรายสัปดาห์ของสหรัฐที่ปรับตัวขึ้นสวนทางกับการคาดการณ์ ได้กระตุ้นให้นักลงทุนเข้าซื้อทองคำเพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงในยามที่ตลาดแรงงานยังคงซบเซา นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาการแถลงมาตรการสร้างงานของประธานาธิบดีบารัค โอบามา ซึ่งจะมีขึ้นในช่วงเช้าวันศุกร์ตามเวลาไทย
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ร่วงลง 119.05 จุด หรือ 1.04% ปิดที่ 11,295.81 จุด ดัชนี S&P 500 ปรับตัวลง 12.72 จุด หรือ 1.06% ปิดที่ 1,185.90 จุด ดัชนี Nasdaq ลดลง 19.80 จุด หรือ 0.78% ปิดที่ 2,529.14 จุด เนื่องจากนักลงทุนผิดหวังที่ เบน เบอร์นันเก้ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดที่ชัดเจนเกี่ยวกับแผนการกระตุ้นเศรษฐกิจ ในระหว่างการกล่าวสุนทรพจน์ที่รัฐมินเนโซตาเมื่อคืนนี้ นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากจำนวนคนว่างงานรายสัปดาห์ของสหรัฐที่พุ่งขึ้นคาด ขณะเดียวกันนักลงทุนจับตาดูประธานาธิบดีบารัค โอบามาที่จะแถลงมาตรการสร้างงานและกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงเช้าวันศุกร์ตามเวลาไทย
สัญญาน้ำมันดิบตลาด NYMEX ส่งมอบเดือนต.ค.ขยับลง 29 เซนต์ หรือ 0.32% ปิดที่ 89.05 ดอลลาร์/บาร์เรล เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะซบเซาในตลาดแรงงานของสหรัฐ หลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่าจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานสัปดาห์ที่แล้วพุ่งขึ้นอย่างเหนือความคาดหมาย นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากการที่นายฌอง-คล้อด ทริเชต์ ประธานธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) ได้แสดงความกังวลว่าเศรษฐกิจยุโรปมีความเสี่ยงที่จะเผชิญกับภาวะขาลง อย่างไรก็ตาม สัญญาน้ำมันดิบขยับลงเพียงเล็กน้อย เนื่องจากตลาดได้แรงหนุนในระหว่างวันจากรายงานสต็อกน้ำมันดิบที่ร่วงลงของสหรัฐ
กองทุน SPDR Gold Trust กองทุนทองคำใหญ่ที่สุดในโลก รายงานการเข้าถือทองคำถึง ณ. วันที่ 9 กันยายน ขายออก 0.90 ตัน เปลี่ยนแปลงการถือครองจากระดับ 1232.31 ตัน เข้าสู่ระดับ 1231.41ตัน
USD/EU ค่าเงินยูโรแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลล่าร์สหรัฐ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (8 ก.ย.) หลังจากนายฌอง-คล้อด ทริเชต์ ประธานธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) ส่งสัญญาณว่าอีซีบีอาจจะยุติวงจรการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเนื่องจากเศรษฐกิจยูโรโซนมีความเสี่ยงที่จะเผชิญกับภาวะขาลง ขณะที่เงินฟรังค์ร่วงลงอย่างหนักเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ หลังจากธนาคารกลางสวิตเซอร์แลนด์เข้าแทรกแซงตลาดด้วยการกำหนดเพดานอัตราแลกเปลี่ยนฟรังค์ เพื่อพุ่งเป้าสกัดการแข็งค่าของเงินฟรังค์ ค่าเงินยูโรแข็งค่าขึ้น 1.47% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.3887 ดอลลาร์ต่อยูโร จากระดับของวันพุธที่ 1.4097 ดอลลาร์ต่อยูโร โดยค่าเงินดอลล่าร์เมื่อเทียบกับค่าเงินสกุลยูโรเช้านี้เปิดอยู่ที่ระดับ 1.3929 ดอลล่าร์ต่อยูโร
USD/JPY ค่าเงินเยนอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลล่าร์สหรัฐ 0.35% เมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 77.480 เยนต่อดอลล่าร์ จากระดับ 77.210 เยนต่อดอลล่าร์ โดยค่าเงินดอลลาร์เมื่อเทียบกับค่าเงินสกุลเยนเช้านี้เปิดอยู่ที่ระดับ 77.45 เยนต่อดอลลาร์
USD/THB ค่าเงินบาทปิดตลาดวานนี้ อยู่ที่ระดับ 30.02-30.05 บาทต่อดอลล่าร์ ซึ่งไม่มีการเคลื่อนไหวมากนักระหว่างวัน โดยค่าเงินบาทเช้านี้เปิดตลาดที่ระดับ 30.02-30.05 บาทต่อดอลล่าร์
ข่าวเศรษฐกิจโลก
- สกุลเงินฟรังค์สวิสร่วงลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ หลังจากธนาคารกลางสวิตเซอร์แลนด์เข้าแทรกแซงตลาดอีกครั้งด้วยการกำหนดเพดานอัตราแลกเปลี่ยนฟรังค์ โดยระบุว่าธนาคารกลางสวิสจะไม่ยอมรับอัตราแลกเปลี่ยนยูโรที่ระดับต่ำกว่า 1.20 ฟรังก์สวิสอีกต่อไป และจะปกป้องเป้าหมายดังกล่าวด้วยการเข้าซื้อสกุลเงินต่างชาติอย่างไม่จำกัดจำนวน การดำเนินการดังกล่าวส่งผลให้สกุลเงินฟรังค์สดิ่งลงทันทีราว 8% หลังจากที่พุ่งขึ้นราว 1 ใน 3 นับตั้งแต่การล้มละลายของวาณิชธนกิจเลห์แมนบราเธอร์สในปี 2551 ซึ่งเป็นช่วงที่นักลงทุนที่ต้องการหลีกเลี่ยงวิกฤตเศรษฐกิจด้วยการทุ่มซื้อเงินฟรังค์ซึ่งเป็นสกุลเงินที่ปลอดภัย
- ธนาคารกลางฝรั่งเศสปรับคาดการณ์การขยายตัวทางเศรษฐกิจในไตรมาสที่ 3 ลงมาเหลือ 0.1% จากเบื้องต้นประเมินไว้ที่ 0.2% มีรายงานว่าข้อมูลจากรายงานเศรษฐกิจรายเดือนของธนาคารกลางฝรั่งเศสว่า กิจกรรมในภาคอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อยในเดือนส.ค. ขณะที่อัตราการใช้กำลังการผลิตลดลงอย่างต่อเนื่อง จนปัจจุบันยืนอยู่ที่ระดับ 78.7% ฝรั่งเศส ซึ่งเป็นประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่เป็นอันดับ 2 ในกลุ่มยูโรโซน ได้ปรับลดเป้าหมายการขยายตัวในปีนี้ลงถึง 1.75% จากการประเมินครั้งก่อนหน้านี้ที่ 2% เนื่องจากเศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มถดถอย
- ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เปิดเผยว่า ยอดการกู้ยืมเงินของผู้บริโภคในสหรัฐประจำเดือนก.ค.เพิ่มขึ้น 5.9% ต่อปี สู่ระดับ 2.4545 ล้านล้านดอลลาร์ จากตัวเลขของเดือนมิ.ย.ที่ผ่านการทบทวนแล้วที่ระดับ 2.4425 ล้านล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นติดต่อกันเป็นเดือนที่ 10 รายงานของเฟดระบุว่า ยอดการกู้ยืมเพื่อซื้อสินค้าประเภทต่างๆ รวมถึงการกู้ยืมเพื่อซื้อรถยนต์ เพิ่มขึ้น 11.2% แตะระดับ 1.662 ล้านล้านดอลลาร์ แต่ยอดการกู้ยืมเงินผ่านบัตรเครดิต ลดลง 5.2% ในเดือนก.ค. หลังจากที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น 3.9% ในเดือนมิ.ย. มีรายงานว่า ยอดการกู้ยืมเงินของผู้บริโภคเป็นข้อมูลที่นักวิเคราะห์และนักลงทุนในตลาดให้ความสนใจเป็นอย่างมาก เพราะสะท้อนถึงตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภคซึ่งคิดเป็นร้อยละ 70 ของกิจกรรมทางเศรษฐกิจโดยรวมของสหรัฐและยังเป็นแรงขับเคลื่อนหลักของเศรษฐกิจสหรัฐด้วย
- เบน เบอร์นันเก้ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ประกาศความพร้อมที่จะใช้มาตรการต่างๆที่เหมาะสมเพื่อกระตุ้นการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ในระหว่างการกล่าวสุนทรพจน์ในที่ประชุมสมาคมธุรกิจ ในรัฐมินเนโซตา เมื่อเวลาประมาณ 24.30 น.วานนี้ อย่างไรก็ตาม เบอร์นันเก้ไม่ได้ระบุอย่างเฉพาะเจาะจงว่าจะใช้มาตรการใด เบอร์นันเก้ระบุว่า อัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐในช่วง 2 ปีที่ผ่านมานั้น ยังไม่แข็งแกร่งพอที่จะทำให้อัตราว่างงานปรับตัวลดลงได้ โดยปัจจุบันอัตราว่างงานยืนอยู่ที่ระดับ 9.1% ซึ่งนับว่าสูงมาก