ภาวะตลาดทองคำวันนี้

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday September 14, 2011 14:10 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--14 ก.ย.--เอ็มทีเอส โกลด์ ฟิวเจอร์ ข้อมูลทองคำวันนี้ - ราคาสมาคม เปิดที่ 26,300-26,400 - ราคา Gold Spot เปิดที่ 1,844 - อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาท 30.16-30.19 - GFQ11 Hi- Low 26,740-26,000 ปิดที่ 26,280 Gold & Silver Insight สัญญาทองคำ และ โลหะเงินตลาด COMEX ส่งมอบเดือนธ.ค.พุ่งขึ้น 16.8 ดอลลาร์ หรือ 0.9% แตะที่ 1,830.1 ดอลลาร์/ออนซ์ สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนธ.ค.เพิ่มขึ้น 97.6 เซนต์ ปิดที่ 41.193 ดอลลาร์/ออนซ์ เนื่องจากนักลงทุนยังคงเข้าซื้อสัญญาทองคำเพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงจากวิกฤติหนี้ยุโรป นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากการอ่อนค่าลงของสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปรับตัวขึ้น 44.73 จุด หรือ 0.40% ปิดที่ 11,105.85 จุด ดัชนี S&P 500 เพิ่มขึ้น 10.60 จุด หรือ 0.91% ปิดที่ 1,172.87 จุด และดัชนี Nasdaq เพิ่มขึ้น 37.06 จุด หรือ 1.49% ปิดที่ 2,532.15 จุด เนื่องจากนักลงทุนเข้ามาช้อนซื้อเก็งกำไรหุ้นที่ร่วงลงเมื่อวันก่อน นอกจากนี้ นักลงทุนยังคาดว่าในการประชุมระหว่างผู้นำกรีซ เยอรมนี และฝรั่งเศส ซึ่งจะมีขึ้นในช่วงเย็นวันพุธตามเวลาไทยนั้น จะมีการหารือกันถึงแนวทางการให้ความช่วยเหลือกรีซและยับยั้งการลุกลามของหนี้สาธารณะในยุโรป อย่างไรก็ตาม บรรยากาศการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กเต็มไปด้วยความระมัดระวัง เนื่องจากนักลงทุนส่วนใหญ่ยังคงกังวลเรื่องปัญหาหนี้กรีซ สัญญาน้ำมันดิบตลาด NYMEX ส่งมอบเดือนต.ค.พุ่งขึ้น 2.02 ดอลลาร์ หรือ 2.29% ปิดที่ 90.21 ดอลลาร์/บาร์เรล เพราะได้แรงหนุนจากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ และจากการที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ว่าสต็อกน้ำมันดิบประจำสัปดาห์ของสหรัฐจะร่วงลงอย่างหนัก ซึ่งบ่งชี้ว่าความต้องการพลังงานในสหรัฐยังคงแข็งแกร่ง กองทุน SPDR Gold Trust กองทุนทองคำใหญ่ที่สุดในโลก รายงานการเข้าถือทองคำถึง ณ. วันที่ 14 กันยายน ขายออก 0.61ตัน เปลี่ยนแปลงการถือครองจากระดับ 1241.92ตัน เข้าสู่ระดับ 1241.31ตัน USD/EU ค่าเงินยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (13 ก.ย.) เนื่องจากตลาดคาดว่าการประชุมระหว่างผู้นำกรีซ เยอรมนี และฝรั่งเศส ซึ่งจะมีขึ้นในช่วงเย็นวันพุธตามเวลาไทยนั้น จะมีการหารือกันถึงแนวทางการช่วยเหลือกรีซและยับยั้งการลุกลามของหนี้สาธารณะในยุโรป อย่างไรก็ตาม ยูโรขยับขึ้นเพียงเล็กน้อยเนื่องจากนักลงทุนส่วนใหญ่ยังคงกังวลเกี่ยวกับวิกฤตหนี้ยุโรป ขณะที่สกุลเงินฟรังค์สวิสและเงินเยนพุ่งขึ้นเนื่องจากนักลงทุนยังคงมองว่าเป็นสกุลเงินที่ปลอดภัยในช่วงที่เกิดวิกฤตเศรษฐกิจค่าเงินยูโรดีดตัวขึ้น 0.07% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.3682 ดอลลาร์ต่อยูโร จากระดับของวันจันทร์ที่ 1.3672 ดอลลาร์ต่อยูโร โดยค่าเงินดอลล่าร์เมื่อเทียบกับค่าเงินสกุลยูโรเช้านี้เปิดอยู่ที่ระดับ 1.3665 ดอลล่าร์ต่อยูโร USD/JPY ค่าเงินเยนอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลล่าร์สหรัฐ 0.44% เมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 76.860 เยนต่อดอลล่าร์ จากระดับ 77.200 เยน ต่อดอลล่าร์ โดยค่าเงินดอลลาร์เมื่อเทียบกับค่าเงินสกุลเยนเช้านี้เปิดอยู่ที่ระดับ 76.92 เยนต่อดอลลาร์ USD/THB ค่าเงินบาทปิดตลาดวานนี้ อยู่ที่ระดับ 30.18-30.21 บาทต่อดอลล่าร์ ซึ่งไม่มีการเคลื่อนไหวมากนักระหว่างวัน โดยค่าเงินบาทเช้านี้เปิดตลาดที่ระดับ 30.16-30.19 บาทต่อดอลล่าร์ ข่าวเศรษฐกิจโลก - นายอิเลียส มอสเซียลอส โฆษกรัฐบาลกรีซเปิดเผยว่า กรีซรอดพ้นจากความเสี่ยงในการผิดนัดชำระหนี้แล้ว พร้อมปฏิเสธปัญหาที่ยังยืดเยื้อในการทำให้กรีซเผชิญภาวะล้มละลายในช่วงหลายสัปดาห์หรือหลายเดือนข้างหน้า"นโยบายที่รัฐบาลกรีซบังคับใช้ ทำให้เรารอดพ้นจากการผิดนัดชำระหนี้" นายมอสเซียลอสกล่าวในระหว่างการสัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์ในท้องถิ่น โดยได้แสดงความคิดเห็นต่อการวิเคราะห์จากสื่อต่างประเทศและบางถ้อยคำของเจ้าหน้าที่ยุโรปที่สร้างความวิตกกังวลในสัปดาห์นี้ จนเป็นเหตุให้ตลาดหุ้นร่วงลงและอัตราผลตอบแทนพันธบัตรกรีซและต้นทุนการกู้ยืมของประเทศที่ประสบปัญหาพุ่งขึ้น ทั้งนี้ กรีซซึ่งแบกรับภาระหนี้สินกว่า 3.40 แสนล้านยูโร (ประมาณ 4.896 แสนล้านดอลลาร์) สามารถรอดพ้นจากภาวะล้มละลายในเดือนพ.ค.2553 เพราะได้รับเงินช่วยเหลืองวดแรกมูลค่า 1.10 แสนล้านยูโร (ประมาณ 1.585 แสนล้านดอลลาร์) จากสมาชิกยูโรโซน สหภาพยุโรป (อียู) และกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) โดยแลกกับมาตรการที่เด็ดขาดของกรีซในการลดยอดขาดดุลงบประมาณและการพัฒนาประเทศภายในระยะเวลา 3 ปี - สำนักงานงบประมาณแห่งรัฐสภาสหรัฐ (CBO) ได้ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ของสหรัฐในปีนี้ลงเหลือ 1.5% จากเดิมที่คาดการณ์ไว้ที่ 2.3% และได้ปรับลดคาดการณ์จีดีพีปีหน้าลงเหลือ 2.5% จากเดิม 2.7% เนื่องจากผลกระทบของอัตราว่างงานที่อยู่ในระดับสูงมาก ซึ่งทำให้เศรษฐกิจมีแนวโน้มซบเซาลงด้วย นอกจากนี้ CBO คาดว่า อัตราว่างงานของสหรัฐจะยังคงเคลื่อนไหวใกล้ระดับ 9% ไปจนถึงปลายปีหน้า ซึ่งย่ำแย่กว่าที่ได้คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ว่าอัตราว่างงานในปีนี้จะอยู่ที่ 8.9% และลดลงสู่ระดับ 8.5% ในปีหน้า ทั้งนี้ CBO คาดว่า ยอดขาดดุลงบประมาณของรัฐบาลกลางสหรัฐในปีนี้จะอยู่ที่ระดับ 1.28 ล้านล้านดอลลาร์ หรือคิดเป็นอัตราส่วน 8.5% ของจีดีพี ซึ่งนับเป็นอีกปีหนึ่งที่ยอดขาดดุลงบประมาณของสหรัฐเคลื่อนไหวอยู่เหนือระดับ 1 ล้านล้านดอลลาร์ กระทรวงการคลังสหรัฐเปิดเผยว่า ยอดขาดดุลงบประมาณเพิ่มขึ้นแตะ 1.3415 แสนล้านดอลลาร์ในเดือนส.ค. เพิ่มขึ้นจากระดับ 1.294 แสนล้านดอลลาร์ของเดือนก.ค. และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ไว้ที่ 1.320 แสนล้านดอลลาร์ ซึ่งการที่ยอดขาดดุลงบประมาณของรัฐบาลกลางสหรัฐพุ่งขึ้นเหนือระดับ 1.23 ล้าล้านดอลลาร์ในเดือนส.ค.นั้น ถือเป็นหลักฐานล่าสุดที่บ่งชี้ว่า สถานะการคลังของสหรัฐยังคงอ่อนแอ รายงานของกระทรวงการคลังระบุว่า รายได้จากการจัดเก็บภาษีของรัฐบาลสหรัฐอยู่ที่ 1.6925 แสนล้านดอลลาร์ในเดือนส.ค. ขณะที่รายจ่ายในเดือนดังกล่าวมีอยู่ถึง 3.034 แสนล้านดอลลาร์ สำนักงานงบประมาณแห่งรัฐสภาสหรัฐ (CBO) คาดการณ์ว่า ยอดขาดดุลงบประมาณของรัฐบาลกลางสหรัฐในปีนี้จะอยู่ที่ระดับ 1.28 ล้านล้านดอลลาร์

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ