ปตท. จับมือ หน่วยงานเศรษฐกิจภาครัฐ จัดเสวนานโยบายเศรษฐกิจพลังงาน ชี้ผลกระทบการลอยตัวราคาพลังงาน

ข่าวเศรษฐกิจ Monday September 26, 2011 17:45 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--26 ก.ย.--ปตท. ปตท. จับมือ หน่วยงานเศรษฐกิจภาครัฐจัดเสวนานโยบายเศรษฐกิจพลังงาน ชี้ผลกระทบการลอยตัวราคาพลังงานหวังรัฐบาลเตรียมรับมือ พร้อมแก้ไขผลกระทบต่อทุกภาคส่วน บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ร่วมกับ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และธนาคารแห่งประเทศไทย ระดม นักวิชาการ พร้อมผู้แทนองค์กรเศรษฐกิจภาครัฐ จัดเสวนานโยบายเศรษฐกิจพลังงาน เตรียมเสนอมาตรการให้รัฐบาลรับมือผลกระทบจากการลอยตัวพลังงาน เพื่อพัฒนาเศรษฐกิจก้าวไปข้างหน้า พร้อมรับมือผลกระทบแก่ทุกภาคส่วน คุณมนูญ ศิริวรรณ นักวิชาการอิสระด้านพลังงาน เปิดเผยว่า ขณะนี้ประเทศไทยได้ดำเนินยุทธศาสตร์และแนวทางการดำเนินนโยบายพลังงานของประเทศ ตามแนวทางการบริหารงานของรัฐบาล โดยจากรัฐบาลชุดที่แล้วได้หมดวาระลงใน ปี 2554 และผลการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 3 ก.ค. 2554 ที่ผ่านมานั้นปรากฏว่าพรรคเพื่อไทยได้รับคะแนนและจำนวน ส.ส.มากที่สุด โดยได้เป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่เข้ามาทำหน้าที่บริหารประเทศ โดยได้ นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เข้ามาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และได้มีการเปลี่ยนแปลงการดำเนินนโยบายในหลายๆด้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งนโยบายด้านพลังงานซึ่งถือเป็นปัจจัยการผลิตที่สำคัญในทุกภาคส่วนของประเทศ อาทิเช่น นโยบายยกเลิกการส่งเงินเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงชั่วคราว นโยบายทยอยลอยตัวราคาพลังงานตามจริง นโยบายสนับสนุนการใช้พลังงานทดแทน (Renewable Energy) และเพิ่มสัดส่วนการใช้พลังงานสีเขียว (Green Energy) เป็นร้อยละ 25 ของพลังงานฟอสซิล เป็นต้น ทั้งนี้การกำหนดนโยบายพลังงานใหม่ๆของรัฐบาลย่อมส่งผลกระทบต่อหน่วยเศรษฐกิจต่างๆในประเทศอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ในฐานะที่เป็นต้นทุนการผลิตและค่าใช้จ่ายสำหรับดำเนินกิจกรรมทั้งหลายในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศให้เติบโตอย่างต่อเนื่อง การจัดเสวนานโยบายเศรษฐกิจพลังงานเพื่อสังคมประจำปี ในหัวข้อ “ประชาชนจะได้ประโยชน์อย่างไร จากการลอยตัวราคาพลังงาน” จึงเกิดขึ้นโดยความร่วมมือจากบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ร่วมกับ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศและ ธนาคารแห่งประเทศไทย โดยเชิญตัวแทนจากภาคส่วนที่เกี่ยวข้องทั้งนักวิชาการ นักเศรษฐศาสตร์ ผู้บริหารหน่วยงานด้านเศรษฐกิจ โดยมีวัตถุประสงค์ สร้างการรับรู้ เข้าใจกับสาธารณะชนในประเด็นด้านนโยบายพลังงานที่ได้รับความสนใจและส่งผลกระทบต่อประชาชนในวงกว้าง เช่น การยกเลิกกองทุนน้ำมัน การลอยตัวราคาน้ำมันและก๊าซหุงต้ม ฯลฯ ให้มีความเข้าใจและได้รับข้อมูลที่ถูกต้อง ตลอดจนเป็นเวทีอิสระสำหรับนักวิชาการเพื่อแสดงความเห็น มุมมองในการร่วมกันหาทางออก การปรับตัว การรักษาสมดุลทางเศรษฐกิจ ให้ก้าวต่อไปข้างหน้าอย่างมั่นคง เพื่อแลกเปลี่ยนให้ความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับนโยบายพลังงานของประเทศ ผลกระทบ ที่ จะเกิดขึ้นในอนาคตต่อภาคส่วนเศรษฐกิจต่างๆ ตลอดจนข้อคิดเห็นที่เป็นประโยชน์ต่อรัฐบาลสำหรับนำไปพิจารณาประกอบการดำเนินนโยบายดังกล่าวต่อไป ภายในงานเสวนาได้รับเกียรติจาก ดร.สมชัย จิตสุชน ผู้อำนวยการวิจัย ด้านการพัฒนา เศรษฐกิจส่วนรวมและการกระจายรายได้ สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศ ดร.ไพรินทร์ ชูโชติถาวร ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการกลุ่มธุรกิจปิโตรเลียมขั้นต้นและก๊าซธรรมชาติ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) คุณเจน นำชัยศิริ รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ดร.ยรรยง ไทยเจริญ หัวหน้านักยุทธศาสตร์ กลุ่มงานยุทธศาสตร์องค์กร ธนาคารแห่งประเทศไทย ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ปมทอง มาลากุล ณ อยุธยา คณบดีวิทยาลัยปิโตรเลียมและปิโตรเคมี ร่วมเสวนาและวิเคราะห์แนวทางดำเนินงาน ภายใต้หัวข้อ ประชาชนจะได้ประโยชน์อย่างไร จากการลอยตัวราคาพลังงาน โดยสะท้อนผลกระทบจากนโยบายระยะสั้น เช่น การยกเลิกเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง เบนซิน 95, 91 และ ดีเซลเพื่อลดภาระค่าครองชีพของประชาชน โครงสร้างการใช้พลังงานของประเทศในปัจจุบันและคาดการณ์อนาคต ฐานะทางการเงินของกองทุนน้ำมันฯ และงบประมาณภาครัฐ นโยบายส่งเสริมพลังงานทดแทนของประเทศ เช่น แก๊สโซฮอล์ นอกจากนี้ ยังได้ร่วมแสดงความคิดเห็นต่อนโยบายพลังงานระยะกลางและระยะยาว เช่น ผลจากการดำเนินนโยบายระยะสั้นข้างต้น อาจส่งผลให้รัฐบาลต้องยกเลิกนโยบายอุดหนุนราคา LPG และ NGV ในประเทศ เนื่องจากปัญหาสภาพคล่องของกองทุนน้ำมันฯที่ไม่มีเงินไหลเข้า มีแต่เงินไหลออก การทยอยลอยตัวหรือปรับโครงสร้างราคาพลังงานให้สะท้อนต้นทุนที่แท้จริงจึงเป็นทางออกของนโยบายที่จะเกิดขึ้นต่อไปในระยะยาว ซึ่งจะนำมาสู่ผลประโยชน์ที่ประชาชนจะได้รับจากการปรับโครงสร้างราคาพลังงานของประเทศให้สะท้อนต้นทุนที่แท้จริง การเพิ่มประสิทธิภาพในการ ช่วยแบกรับภาระราคาต้นทุนพลังงานของรัฐบาล โดยไม่สนับสนุนการแบกรับภาระราคาต้นทุน LPG และ NGV ทั้งนี้ ต้องมีมาตรการรองรับและแนวทางช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการลอยตัวราคาพลังงานทั้งในระยะสั้นและระยะยาว ตลอดจนการส่งเสริมบทบาทและหน้าที่ของหน่วยงานต่างๆ ที่เป็นแกนหลักในการขับเคลื่อนนโยบายเศษฐกิจพลังงานของประเทศ โดยทั้งหมดนี้จะได้มีการสรุปรวบรวมข้อเสนอแนวทางในการบริหารพลังงานของประเทศแก่รัฐบาลชุดใหม่ เพื่อร่วมผลักดันนโยบายดังกล่าว ให้สัมฤทธิ์ผลและเกิดประสิทธิภาพสูงสุดต่อไป

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ