เนสท์เล่ไอศกรีมบุกตลาดประกาศกลยุทธ์การตลาด "ปฏิบัติการสีฟ้า" เร่งอัตราการโตเพิ่มส่วนแบ่งตลาดไอศกรีม

ข่าวทั่วไป Wednesday April 30, 2003 16:35 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--30 เม.ย.--พีอาร์ แอนด์ แอสโซซิเอส
เนสท์เล่ไอศกรีมเผย "ปฏิบัติการสีฟ้า" นวัตกรรมใหม่ของกลยุทธ์บุกตลาด ที่ทำให้อัตราการเติบโตในตลาดไอศกรีมรุกไปอย่างรวดเร็วและต่อเนื่อง เพิ่มความแข็งแกร่งผลักดันให้เนสท์เล่ไอศกรีมขึ้นเป็นหนึ่งในสองอันดับแรกของเจ้าตลาดไอศกรีมของเมืองไทย
ดร. ฮานส์-อูริค เมเยอร์ ผู้จัดการทั่วไปของเนสท์เล่ไอศกรีม บริษัท เนสท์เล่ (ไทย) จำกัด กล่าวว่า "ปฏิบัติการสีฟ้า ถือเป็นกลยุทธ์ที่สำคัญที่เร่งอัตราการเติบโตของเนสท์เล่ไอศกรีมในตลาดรวมให้เป็นไปอย่างรวดเร็ว และยังช่วยตอกย้ำเนสท์เล่ไอศกรีมให้เป็นที่รู้จักในฐานะผู้นำทางด้านนวัตกรรมของตลาดไอศกรีมที่ให้ทั้งความสนุกสนาน ความพึงพอใจด้วยคุณภาพที่เป็นเยี่ยมในเมืองไทยอีกด้วย"
เนสท์เล่ไอศกรีมถือเป็นบริษัทไอศกรีมที่มีอัตราการเติบโตเร็วที่สุด โดยมีอัตราการขายต่อปีที่เพิ่มขึ้นถึง15% ในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา และในช่วงไตรมาสแรกของปี 2546 นี้ มีอัตราการเพิ่มของยอดขายได้ถึง 21% ทั่วประเทศเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว โดยสูงกว่าที่ประมาณการณ์ไว้ 6% ทำให้ส่วนแบ่งการตลาดของเนสท์เล่ไอศกรีมเพิ่มขึ้นเป็น 30% ซึ่งในปีนี้เนสท์เล่ไอศกรีมคาดว่าจะยังคงรักษาอัตราการเติบโตให้อยู่ในตัวเลขสองหลักไว้อีกด้วย
"ปฏิบัติการสีฟ้า เป็นเรื่องของนวัตกรรมอย่างต่อเนื่อง ไม่หยุดยั้ง" ดร. เมเยอร์ อธิบาย "โดยการสร้างนวัตกรรมใน 3 เสาหลักของธุรกิจ คือ ผลิตภัณฑ์ แบรนด์สินค้า และช่องทางการจัดจำหน่าย"
เพื่อให้มั่นใจในความเป็นผู้นำทางด้านนวัตกรรมทางผลิตภัณฑ์ไอศกรีมอย่างแท้จริง เสาหลักแรกที่สำคัญของ "ปฏิบัติการสีฟ้า" ในธุรกิจก็คือ ตัวผลิตภัณฑ์ เนสท์เล่ไอศกรีมจะต้องนำเสนอแต่ผลิตภัณฑ์ที่สร้างความพึงพอใจ ในทุกเซ็กเม้นท์ ของไอศกรีม
"ไอศกรีมเป็นสินค้าที่ต้องกระตุ้นความสนุกสนานและความพึงพอใจ ซึ่งเป็นความท้าทายของเนสท์เล่ไอศกรีมที่จะต้องนำเสนอสินค้าไอศกรีมแบบใหม่ๆ ที่สร้างความน่าตื่นเต้นแก่ผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง ทุกเดือน ไอศกรีมของเนสท์เล่ ต้องมีความพิเศษเฉพาะและแตกต่างจากสินค้าของคู่ต่อสู้ที่มีขายอยู่ในท้องตลาด สินค้าไอศกรีมของเนสท์เล่เป็นสินค้าที่ตอบสนองในทุกโอกาส เข้าถึงทุกกลุ่มอายุของผู้บริโภค" ดร. เมเยอร์ กล่าวเพิ่มเติม เนสท์เล่ไอศกรีมมีผลิตภัณฑ์ไอศกรีมในทุกเซ็กเม้นท์ ในกลุ่มเซ็กเม้นท์ Impulse ซึ่งถือเป็นกลุ่มที่ใหญ่ที่สุด โดยมีสัดส่วนในตลาดไอศกรีมรวมของไทยมากกว่า 90% แบ่งออกได้เป็น 2 กลุ่มคือ กลุ่มที่เป็นไอศกรีมแท่งสำเร็จรูปในบรรจุภัณฑ์แบบสร้างสรรค์ต่าง ๆ และกลุ่มไอศกรีมแบบตักขาย สำหรับไอศกรีมแท่งในบรรจุภัณฑ์นั้นเนสท์เล่มีวางจำหน่ายในท้องตลาดถึง 25-30 ชนิด ส่วนในแบบ scooping หรือแบบตักขายก็มีรสชาติต่างๆ ให้เลือกถึง 11 ชนิด และยังอยู่ในระหว่างการเตรียมที่จะแนะนำเข้าสู่ตลาดอีกหลายรสชาติ
"เฉพาะในช่วง 3 เดือนแรกของปีนี้ เนสท์เล่ได้ออกผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ออกสู่ตลาดหลายชนิด" ดร. เมเยอร์ กล่าว " ไม่ว่าจะเป็น เอสกิโม เฟส และเมจิก สติ๊ก ที่เพิ่มความบันเทิงและสนุกสนานสำหรับเด็ก และใครก็ตามที่รักยังความสนุกสนานแบบใหม่ ๆ พร้อมไปความอร่อยสดชื่นกับรสชาติ ของไอศกรีมไปด้วย และไอศกรีม แมกซี่บอน ในรูปแบบของไอศกรีมผสมขนมปังบิสกิต ที่ให้ทั้งความหอมอร่อย และความสนุกสนานในการรับประทานเป็น 2 เท่า นอกจากนั้นยังเพิ่งเปิดตัวเพิ่มสินค้าใน กลุ่มไอศกรีม Scooping คือ รสชาเขียว ที่เข้มข้นอีกด้วย และในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้านี้ เนสท์เล่ยังจะมีการแนะนำสินค้าตัวใหม่พร้อมการส่งเสริมการขายที่จะทำให้ผู้บริโภคสนุกสนานพร้อมกับความตื่นเต้นไปด้วยกัน"
เสาหลักตัวที่สองของ "ปฏิบัติการสีฟ้า" ก็คือ การสร้างนวัตกรรมที่ตัวแบรนด์ ให้เข้าไปถึงตัวผู้บริโภคครอบคลุมทั่วประเทศไทย "เนสท์เล่ไอศกรีมจะไม่เพียงเป็นสินค้าที่พบเห็นได้เสมออย่างทั่วประเทศเท่านั้น แต่จิงเกิ้ลใหม่จากหน่วยตู้แช่สามล้อจะต้องเป็นที่ได้ยินวันละหลายๆ ครั้ง เนสท์เล่ไอศกรีม จะถูกเรียกหาทั้งกลุ่มเด็กและผู้ใหญ่ ดังนั้น การรุกสร้างแบรนด์ให้เห็นอย่างทั่วถึง จะต้องอาศัยทั้งกิจกรรม above the line และ below the line ในทุกช่องทางของการจัดจำหน่าย เนสท์เล่ไอศกรีม จะต้องเป็นผู้ที่ให้และสร้างความ พึงพอใจด้วยการเข้าหาผู้บริโภคเท่านั้น เพื่อให้บรรลุถึงความตั้งใจนี้เนสท์เล่ไอศกรีม จึงจัดได้งบประมาณกว่า 80% ของงบการตลาด 200 ล้านบาท เพื่อจัดกิจกรรม และการส่งเสริมการขายในช่องทางการจัดจำหน่ายต่าง ๆ ทั่วประเทศที่เข้าถึงผู้บริโภคมากที่สุด" ดร. เมเยอร์ กล่าว
"เนสท์เล่ไอศกรีม แบรนด์ จะโดดเด่นออกมา "ปฏิบัติการสีฟ้า" ที่บุกทุกช่องทางจัดจำหน่ายจะสร้าง จุดแข็ง สร้างความได้เปรียบให้กับเนสท์เล่ไอศกรีมโดยรวม"
ดร. เมเยอร์ กล่าวเสริมว่า นวัตกรรมการสร้างแบรนด์เนสท์เล่ไอศกรีม ได้ปรากฏให้เห็นในร้านสะดวกซื้อของสถานีบริการน้ำมัน ที่สะท้อนถึงจินตนาการการสร้างแบรนด์ไอศกรีมเมื่อผู้บริโภคย่างก้าวเข้าสู่ร้านสะดวกซื้อ และที่สำคัญก็คือ สื่อส่งเสริมการขายหรือ point of sales จะต้องช่วยสร้างความสนุกสนานเมื่อได้เห็น ซึ่งยังไม่มีบริษัทไอศกรีมใดที่จะทุ่มเทมากเท่ากับที่เนสท์เล่ไอศกรีมได้วางแผนไว้ในปีนี้ เราต้องการสร้างบรรยากาศที่ให้ความพึงพอใจที่วิเศษยิ่งต่อผู้บริโภค การนำคอนเซ็ปต์สร้างร้านในร้านถูกนำมาใช้ในร้านสะดวกซื้อ จิฟฟี่ของสถานีบริการปั๊มน้ำมันเจ็ทของคอนอโค"กลยุทธ์ที่สามของ "ปฏิบัติการสีฟ้า" คือ การสร้างสรรค์ช่องทางการจัดจำหน่าย เนสท์เล่ไอศกรีมถือเป็นหนึ่งในบริษัทที่มีเครือข่ายที่แข็งแกร่งที่สุดในประเทศไทย
"เราไม่ได้เน้นการขยายช่องทางการจำหน่ายเฉพาะในเมืองหลัก ๆ เท่านั้น" ดร. เมเยอร์ กล่าว "แต่ยังขยายไปยังเครือข่ายต่างจังหวัด และช่องทางการจำหน่ายใหม่ๆ ที่ให้ผลกำไรและที่มีการบริหารการจัดการเงินลงทุนที่มีประสิทธิภาพคือปัจจัยหลักแห่งความสำเร็จ ในปี 2545 เนสท์เล่ไอศกรีมมีอัตราการขายเพิ่มขึ้นถึง 20% ในตลาดต่างจังหวัด ซึ่งเป็นผลมาจากการพัฒนากลยุทธ์อย่างสร้างสรรค์ของบุคลากรของเรานั่นเอง"สถานีบริการน้ำมันเป็นช่องทางการจัดจำหน่ายที่เนสท์เล่เป็นผู้นำอย่างเห็นได้ชัดในปัจจุบัน โดยมีส่วนแบ่งการตลาดในช่องการจำหน่ายนี้สูงถึง 75% ไม่ว่าจะเป็นสถานีน้ำมันของ เชลส์ เอสโซ่ คาลเท็กซ์ คิวเอท และเจ็ท ของคอนอโคทั่วประเทศ ซึ่งช่องทางการจัดจำหน่ายเหล่านี้ ต้องการสินค้าและแบรนด์ที่สะท้อนความใหม่ๆ และตอบสนองกับความต้องการของกลุ่มผู้บริโภคเฉพาะของตนอีกด้วย
นอกจากนั้น ช่องทางการจำหน่ายผ่านทางตู้แช่สามล้อ ก็เป็นอีกช่องทางหนึ่งที่เนสท์เล่รุกเข้าเพื่อผลักดันและกระตุ้นการเติบโตของธุรกิจไอศกรีม "ตู้แช่สามล้อขายไอศกรีมเป็นอีกหนึ่งช่องทางที่เราให้ความสำคัญ" ดร. เมเยอร์กล่าว "เพราะเป็นหนึ่งในช่องทางจำหน่ายที่สำคัญของธุรกิจไอศกรีมในเซ็กเม้นท์ Impulse ของเนสท์เล่ ทีมขายตู้แช่สามล้อของเราได้รับการฝึกมาอย่างดี สร้างทีมเวิรค์ที่พัฒนาการขายไอศกรีมเพื่อให้ได้ในปริมาณที่เพิ่มขึ้น ทุกวัน การที่เนสท์เล่มีความมุ่งมั่นเอาจริงและสร้างสรรค์ความใหม่ๆ ให้แก่ผลิตภัณฑ์อย่างต่อเนื่อง ได้สร้างความมั่นใจและพึงพอใจในทีมตู้แช่สามล้อของเรามาก"
การขยายช่องทางการจัดจำหน่ายพร้อมออกผลิตภัณฑ์ที่มีรสชาติถูกปากคนไทยก็เป็นอีกหนึ่งของหัวใจหลักที่เนสท์เล่มุ่งพัฒนาสำหรับผู้บริโภค การพัฒนาและออกแบบเคาน์เตอร์การขายแบบไทยๆ เช่น บูธไอศกรีม "ไทยไทม์" เป็นหนึ่งในนวัตกรรมใหม่ของการเข้าหาผู้บริโภคไทย พร้อมการเสนอผลิตภัณฑ์ไอศกรีมที่มีรสชาติคุ้นลิ้นคนไทยควบคู่ไปกับการเพิ่มรสชาติด้วย Topping โรยหน้าแบบไทย ๆ
"ศักยภาพในการขยายตลาดในเมืองไทยยังมีอีกมาก เนื่องจากการอัตราการบริโภคไอศกรีมยังน้อยมาก ซึ่งเนสท์เล่ไอศกรีมจะใช้แผนการตลาดต่างๆ อย่างผู้นำในการขยายตลาดต่อไป "ปฏิบัติการ สีฟ้า" ที่ย้ำกลยุทธ์ที่สร้างสรรค์ทั้ง 3 ส่วน คือการสร้างนวัตกรรมในผลิตภัณฑ์ นวัตกรรมในการสร้าง แบรนด์เนสท์เล่ไอศกรีมให้เป็นที่รู้จัก และนวัตกรรมพัฒนาช่องทางการจัดจำหน่าย จะเป็นปัจจัยสำคัญ
ในการขยายตลาด และเพิ่มอัตราการเติบโต เพราะสำหรับเนสท์เล่ไอศกรีมแล้ว นวัตกรรมที่มีศักยภาพเท่านั้นที่จะนำไปสู่ความสำเร็จในธุรกิจซึ่งจะส่งผลให้เนสท์เล่ไอศกรีมสามารถรักษาระดับการเติบโตในอัตราเลขสองหลักได้" ดร. เมเยอร์ กล่าวปิดท้าย
ต้องการข้อมูลเพิ่มเติม
กรุณาติดต่อ กาญจน์ ประมวลศักดิกุล
Manager-Marketing and Trade Marketing Support
โทรศัพท์ 0-2906-0201-10 ต่อ 4614
โทรสาร 0-2517-3038
E-mail: karn.pramualsakdikul@th.nestle.com-- จบ--
-นห-

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ