ภาวะตลาดทองคำวันนี้

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday September 29, 2011 14:22 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--29 ก.ย.--เอ็มทีเอส โกลด์ ฟิวเจอร์ ข้อมูลทองคำวันนี้ - ราคาสมาคม เปิดที่ 23,700-23,800 - ราคา Gold Spot เปิดที่ 1,606 - อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาท 31.17-30.20 - GFV11 Hi- Low 24,640-24,210 ปิดที่ 24,510 Gold & Silver Insight สัญญาทองคำ และ โลหะเงินตลาด COMEX ส่งมอบเดือนธ.ค.ร่วงลง 34.4 ดอลลาร์ หรือ 2.1% ปิดที่ 1,618.1 ดอลลาร์/ออนซ์ หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 1,600.50-1,672.00 ดอลลาร์ สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนธ.ค.ร่วงลง 1.402 ดอลลาร์ ปิดที่ 30.134 ดอลลาร์/ออนซ์ เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับการลุกลามของปัญหาหนี้ยุโรปยังคงกดดันให้นักลงทุนเทขายทำกำไรสัญญาสินค้าโภคภัณฑ์ ซึ่งรวมถึงทองคำ นอกจากนี้ การแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐเมื่อเทียบกับยูโร ยังเป็นอีกปัจจัยที่ฉุดสัญญาทองคำร่วงลงด้วย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ร่วงลง 179.79 จุด หรือ 1.61% ปิดที่ 11,010.90 จุด S&P 500 ดิ่งลง 24.32 จุด หรือ 2.07% ปิดที่ 1,151.06 จุด และดัชนี Nasdaq ร่วงลง 55.25 จุด หรือ 2.17% ปิดที่ 2,491.58 จุด ซึ่งเป็นการปรับตัวลงวันแรกในรอบ 4 วันทำการ เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับปัญหาหนี้ยุโรป หลังจากมีข่าวว่าผู้นำของหลายประเทศในยุโรปมีความคิดเห็นที่แตกต่างกันอย่างมากเกี่ยวกับการเพิ่มขนาดกองทุนรักษาเสถียรภาพการเงินยุโรป (EFSF) นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาดูการประชุมรัฐสภาเยอรมนีที่จะลงมติเรื่องการเพิ่มขนาดกองทุน EFSF ในช่วงเย็นวันนี้ตามเวลาไทย สัญญาน้ำมันดิบตลาด NYMEX ส่งมอบเดือนพ.ย.ร่วงลง 3.24 ดอลลาร์ หรือ 3.84% ปิดที่ 81.21 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 81.11-84.62 ดอลลาร์ หลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานของรัฐบาลสหรัฐเปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบพุ่งขึ้นเกินคาดในรอบสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งข้อมูลดังกล่าวทำให้นักลงทุนกังวลว่าการชะลอตัวของเศรษฐกิจอาจจะทำให้ความต้องการพลังงานหดตัวลงด้วย นอกจากนี้ ตลาดน้ำมัน NYMEX ยังได้รับแรงกดดันจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับศักยภาพในการแก้ปัญหาหนี้สาธารณะในยุโรป กองทุน SPDR Gold Trust กองทุนทองคำใหญ่ที่สุดในโลก รายงานการเข้าถือทองคำถึง ณ. วันที่ 29 กันยายน ซื้อเข้า 0.01ตัน เปลี่ยนแปลงการถือครองจากระดับ 1241.91ตัน เข้าสู่ระดับ 1241.92ตัน USD/EU ค่าเงินยูโรแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (28 ก.ย.) เนื่องจากนักลงทุนมีท่าทีระมัดระวังก่อนที่จะทราบผลการประชุมรัฐสภาเยอรมนีที่จะลงมติเรื่องการเพิ่มขนาดกองทุนรักษาเสถียรภาพการเงินยุโรป (EFSF) ในช่วงเย็นวันนี้ตามเวลาไทย ขณะที่ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนตัวลงเมื่อเทียบกับเงินเยน หลังจากสหรัฐเปิดเผยยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนที่ปรับตัวลดลง ค่าเงินยูโรร่วงลง 0.36% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.3542 ดอลลาร์ต่อยูโร จากระดับของวันอังคารที่ 1.3591 ดอลลาร์ต่อยูโร โดยค่าเงินดอลล่าร์เมื่อเทียบกับค่าเงินสกุลยูโรเช้านี้เปิดอยู่ที่ระดับ 1.3556 ดอลล่าร์ต่อยูโร USD/JPY ค่าเงินเยนแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลล่าร์สหรัฐ 0.35% เมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 76.520 เยนต่อดอลล่าร์ จากระดับ 76.790 เยนต่อดอลล่าร์ โดยค่าเงินดอลลาร์เมื่อเทียบกับค่าเงินสกุลเยนเช้านี้เปิดอยู่ที่ระดับ 76.55 เยนต่อดอลลาร์ USD/THB ค่าเงินบาทปิดตลาดวานนี้ อยู่ที่ระดับ 30.97-31.00 บาทต่อดอลล่าร์ ซึ่งไม่มีการเคลื่อนไหวมากนักระหว่างวัน โดยค่าเงินบาทเช้านี้เปิดตลาดที่ระดับ 31.17-31.20 บาทต่อดอลล่าร์ ข่าวเศรษฐกิจโลก - กระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานว่า ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนหรือสินค้าที่มีอายุการใช้งานนานกว่า 3 ปี ลดลง 0.1% ในเดือนส.ค. สู่ระดับ 2.018 แสนล้านดอลลาร์ ตรงข้ามกับเดือนก.ค.ที่ยอดสั่งซื้อพุ่งขึ้นแข็งแกร่งถึง 4.1% ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่ากิจกรรมการลงทุนในภาคการผลิตของสหรัฐยังคงอ่อนแอ หากไม่นับรวมยอดสั่งซื้อในอุตสาหกรรมการขนส่งแล้ว ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนส.ค.ของสหรัฐปรับตัวลดลง 0.1% เช่นกัน ส่วนสต็อกสินค้าคงทนในเดือนส.ค.เพิ่มขึ้น 0.9% สู่ระดับ 3.653 แสนล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นติดต่อกันเป็นเดือนที่ 20 มีรายงานว่า ภาคการผลิตของสหรัฐได้รับผลกระทบอย่างหนักในช่วงที่เกิดวิกฤตเศรษฐกิจถดถอย โดยในช่วงปี 2552 ที่ผ่านมา ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนร่วงลงอย่างหนักถึง 20.2% ซึ่งเป็นการลดลงหนักสุดเป็นประวัติการณ์ อย่างไรก็ตาม ภาคการผลิตของสหรัฐเริ่มกระเตื้องขึ้นในเวลาต่อมา ซึ่งช่วยพยุงเศรษฐกิจสหรัฐให้ฟื้นตัวขึ้นเร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้ - สำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) รายงานว่า สต็อกน้ำมันดิบในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 23 ก.ย.พุ่งขึ้น 1.9 ล้านบาร์เรล สู่ระดับ 341.0 ล้านบาร์เรล ตรงข้ามกับที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะลดลง 200,000 บาร์เรล ขณะที่สต็อกน้ำมันกลั่นเพิ่มขึ้น 100,000 บาร์เรล สู่ระดับ 157.7 ล้านบาร์เรล แต่ยังน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะพุ่งขึ้น 600,000 บาร์เรล และสต็อกน้ำมันเบนซินเพิ่มขึ้น 800,000 บาร์เรล สู่ระดับ 214.9 ล้านบาร์เรล น้อกว่าที่คาดว่าจะพุ่งขึ้น 1.2 ล้านบาร์เรล ส่วนอัตราการใช้กำลังการกลั่นน้ำมันลดลง 0.5% สู่ระดับ 87.8% น้อยกว่าที่คาดว่าจะลดลงเพียง 0.8% สต็อกน้ำมันดิบข้างต้นไม่นับรวมกับน้ำมันในคลังยุทธภัณฑ์สำรอง (Strategic Petroleum Reserve - SPR) ซึ่งปัจจุบันมีอยู่ปริมาณ 697 ล้านบาร์เรล โดยรัฐบาลสหรัฐจะระบายน้ำมันออกจากคลังดังกล่าวก็ต่อเมื่อเกิดภาวะอุปทานตึงตัวที่เป็นผลมาจากภัยพิบัติทางธรรมชาติ การโจมตีของผู้ก่อการร้าย และสถานการณ์ตึงเครียดทางการเมือง นายโฮเซ มานูเอล บาร์โรโซ ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป (EC) กล่าวต่อรัฐสภายุโรปในวันนี้ว่า กรีซจะยังคงเป็นสมาชิกของกลุ่มประเทศที่ใช้สกุลเงินยูโร พร้อมกับให้คำมั่นว่า สหภาพยุโรป (EU) จะให้การสนับสนุนกรีซอย่างเต็มที่ บนเงื่อนไขที่ว่ากรีซได้ดำเนินการตามคำมั่นที่ให้ไว้โดยสมบูรณ์ บาร์โรโซกล่าวว่า คณะกรรมาธิการยุโรปกำลังดำเนินการเพื่อช่วยให้กรีซฟื้นเศรษฐกิจของประเทศ ซึ่งรวมถึงโครงการมูลค่า 500 ล้านยูโร เพื่อค้ำประกันเงินกู้ที่ธนาคารเพื่อการลงทุนของยุโรป (EIB) อนุมัติให้แก่วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SME) ของกรีซ นอกจากนี้ คณะกรรมาธิการยุโรปกำลังพิจารณาเรื่องการขยายกลไกการรับประกันให้กว้างขวางขึ้น เพื่อช่วยให้ธนาคารต่างๆสามารถปล่อยกู้ได้อีกครั้ง

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ