ภาวะตลาดทองคำวันนี้

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday October 5, 2011 14:06 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--5 ต.ค.--เอ็มทีเอส โกลด์ ฟิวเจอร์ ข้อมูลทองคำวันนี้ - ราคาสมาคม เปิดที่ 23,950-24,050 - ราคา Gold Spot เปิดที่ 1,621 - อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาท 31.17-30.20 - GFV11 Hi- Low 24,870-24,550 ปิดที่ 24,800 Gold & Silver Insight สัญญาทองคำ และ โลหะเงินตลาด COMEX ส่งมอบเดือนธ.ค.ร่วงลง 41.7 ดอลลาร์ หรือ 2.5% ปิดที่ 1,616 ดอลลาร์/ออนซ์ หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 1,613.00-1,658.40 ดอลลาร์ สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนธ.ค.ลดลง 95.6 เซนต์ ปิดที่ 29.839 ดอลลาร์/ออนซ์ เนื่องจากนักลงทุนเริ่มวิตกกังวลว่าวิกฤตเศรษฐกิจทั่วโลกและปัญหาหนี้ยุโรปอาจทำให้ความต้องการสินค้าโภคภัณฑ์ประเภทต่างๆ รวมถึงทองคำ ลดน้อยลงด้วย นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยลบหลังจากเบน เบอร์นันเก้ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้แสดงมุมมองที่เป็นลบต่อแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐ ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์พุ่งขึ้น 153.41 จุด หรือ 1.44% ปิดที่ 10,808.71 จุด ดัชนี S&P 500 เพิ่มขึ้น 24.72 จุด หรือ 2.25% ปิดที่ 1,123.95 จุด ดัชนี Nasdaq พุ่งขึ้น 68.99 จุด หรือ 2.95% ปิดที่ 2,404.82 จุด หลังจากเบน เบอร์นันเก้ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ยืนยันว่า เฟดจะใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอีกหากจำเป็น และจากข่าวที่ว่ารมว.คลังกลุ่มสหภาพยุโรป (อียู) กำลังหารือกันเรื่องการเพิ่มทุนให้กับธนาคารในยูโรโซน เพื่อปกป้องภาคธนาคารจากผลกระทบของวิกฤตหนี้สาธารณะ ซึ่งข่าวดังกล่าวช่วยให้นักลงทุนคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับการลุกลามของปัญหาหนี้ในยูโรโซน สัญญาน้ำมันดิบตลาด NYMEX ส่งมอบเดือนพ.ย.ลดลง 1.94 ดอลลาร์ หรือ 2.50% ปิดที่ 75.67 ดอลลาร์/บาร์เรล เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก หลังจากโกลด์แมน แซคส์ ได้ปรับลดคาดการณ์เศรษฐกิจทั่วโลกและยังได้ปรับลดคาดการณ์ราคาน้ำมันดิบในปีนี้ด้วย นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากความกังวลเรื่องวิกฤตหนี้ยุโรป อย่างไรก็ตาม สัญญาน้ำมันดิบสามารถไต่ขึ้นจากระดับต่ำสุดของวันได้ หลังจากเบน เบอร์นันเก้ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งสัญญาณว่าจะใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมก็ตาม กองทุน SPDR Gold Trust กองทุนทองคำใหญ่ที่สุดในโลก รายงานการเข้าถือทองคำถึง ณ. วันที่ 05 ตุลาคม ขายออก 2.72ตัน เปลี่ยนแปลงการถือครองจากระดับ 1232.23ตัน เข้าสู่ระดับ 1229.51ตัน USD/EU ค่าเงินยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (4 ต.ค.) หลังจากหนังสือพิมพ์ไฟแนนเชียล ไทม์สรายงานว่า รมว.คลังกลุ่มสหภาพยุโรป (อียู) กำลังหารือกันเกี่ยวกับการเพิ่มทุนให้กับสถาบันการเงินที่ประสบปัญหาในยูโรโซน เพื่อปกป้องภาคธนาคารจากการถูกกระทบของวิกฤตหนี้ ขณะที่ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินเยน เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจยังคงเป็นแรงกระตุ้นให้นักลงทุนเข้าซื้อดอลลาร์เพื่อความปลอดภัย ค่าเงินยูโรอ่อนค่าลง 1.30% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.3340 ดอลลาร์ต่อยูโร จากระดับของวันจันทร์ที่ 1.3169 ดอลลาร์ต่อยูโร โดยค่าเงินดอลล่าร์เมื่อเทียบกับค่าเงินสกุลยูโรเช้านี้เปิดอยู่ที่ระดับ 1.3209 ดอลล่าร์ต่อยูโร USD/JPY ค่าเงินเยนอ่อนค่าลง 0.33% เมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 76.800 เยนต่อดอลล่าร์ จากระดับ 76.550 เยนต่อดอลล่าร์ โดยค่าเงินดอลลาร์เมื่อเทียบกับค่าเงินสกุลเยนเช้านี้เปิดอยู่ที่ระดับ 76.68 เยนต่อดอลลาร์ USD/THB ค่าเงินบาทปิดตลาดวานนี้ อยู่ที่ระดับ 31.10-31.13 บาทต่อดอลล่าร์ ซึ่งไม่มีการเคลื่อนไหวมากนักระหว่างวัน โดยค่าเงินบาทเช้านี้เปิดตลาดที่ระดับ 31.17-31.20บาทต่อดอลล่าร์ ข่าวเศรษฐกิจโลก - นายจอห์น โบห์เนอร์ โฆษกสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ กล่าวว่า การลงคะแนนเสียงของวุฒิสภา เพื่ออนุมัติให้มีการอภิปรายร่างกฎหมายเกี่ยวกับการปั่นค่าเงินของจีนนั้นถือเป็นเรื่องที่ค่อนข้างจะอันตราย มีรายงานว่า โบห์เนอร์กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า ผมคิดว่าเป็นเรื่องที่ค่อนข้างจะอันตรายที่จะผลักดันร่างกฎหมายให้ผ่านสภาคองเกรสด้วยการบีบประเทศใดประเทศหนึ่งให้รับมือกับมูลค่าสกุลเงินในประเทศของตัวเอง เมื่อวานนี้ วุฒิสภาสหรัฐได้ลงคะแนนเสียงอนุมัติให้มีการอภิปรายกฎหมายที่ตกเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ ซึ่งมีเป้าหมายที่จะกดดันจีนให้ปล่อยให้เงินหยวนแข็งค่าขึ้น ทางด้านจีนได้ออกมาแสดงจุดยืนในการคัดค้านการลงมติของวุฒิสภาสหรัฐอย่างเต็มที่ โดยชี้ว่า การกระทำดังกล่าวนั้นละเมิดกฎขององค์การการค้าโลกและยังส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ทางการค้าระหว่างจีนและสหรัฐ - รมว.คลังกลุ่มอียูกำลังหารือกันเรื่องการเพิ่มทุนให้กับสถาบันการเงินในยูโรโซน โดยที่ประชุมมีความเห็นพ้องต้องกันว่า จำเป็นจะต้องใช้มาตรการป้องกันไม่ให้สถาบันการเงินในยูโรโซนได้รับผลกระทบจากวิกฤตหนี้สาธารณะ ข่าวดังกล่าวช่วยให้ตลาดการเงินคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับปัญหาหนี้ยุโรป หลังจากที่ประชุมรมว.คลังยูโรโซนซึ่งใช้เวลานานกว่า 6 ชั่วโมงเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมานั้น ไม่ได้มีการประกาศมาตรการที่ชัดเจนในเรื่องการควบคุมปัญหาหนี้สาธารณะ โดยที่ประชุมเพียงแต่พิจารณาทบทวนการมีส่วนร่วมของภาคเอกชนในมาตรการให้ความช่วยเหลือทางการเงินรอบ 2 สำหรับกรีซ - กระทรวงพาณิชณ์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดสั่งซื้อสินค้าใหม่ของโรงงานในสหรัฐลดลง 0.2% สู่ระดับ 4.51 แสนล้านดอลลาร์ หลังจากที่เพิ่มขึ้น 2.1% ในเดือนกรกฎาคม ซึ่งบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจยังคงอ่อนแอ ยอดคำสั่งซื้อใหม่สำหรับสินค้าคงทน ซึ่งมีอายุการใช้งานมากกว่า 3 ปี เช่น คอมพิวเตอร์ รถยนต์ และ เครื่องจักร หดตัวลง 0.1% มาอยู่ที่ 2.019 พันล้านดอลลาร์ ส่วนยอดคำสั่งซื้อใหม่สำหรับสินค้าไม่คงทน ซึ่งรวมไปถึง อาหาร ผลิตภัณฑ์กระดาษ ผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมและถ่านหิน ลดลง 0.3% มาอยู่ที่ 2.492 แสนล้านดอลลาร์ มูดีส์ อินเวสเตอร์ส เซอร์วิส ประกาศลดอันดับความน่าเชื่อถือพันธบัตรของอิตาลีลง 3 ขั้น สู่ระดับ A2 จากระดับ Aa2 พร้อมกับคงแนวโน้มความน่าเชื่อถือไว้ที่ "เชิงลบ" ซึ่งถือเป็นการส่งสัญญาณว่ามูดีส์อาจจะปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของอิตาลีลงอีกในภายในระยะเวลา 2 ปี โดยมูดีส์ระบุว่า ประเทศในยูโรโซนที่มีหนี้สาธารณะอยู่ในระดับสูง รวมถึงอิตาลีด้วยนั้น มีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นในด้านการระดมทุนในระยะยาว การปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของอิตาลีลง 3 ขั้นในครั้งนี้ มาจากการที่มูดีส์มองว่าประเทศในยูโรโซนที่มีหนี้สาธารณะอยู่ในระดับสูง รวมถึงอิตาลีด้วยนั้น มีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นในด้านการระดมทุนในระยะยาว

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ