กรุงเทพฯ--6 ต.ค.--เอ็มทีเอส โกลด์ ฟิวเจอร์
ข้อมูลทองคำวันนี้
- ราคาสมาคม เปิดที่ 24,200-24,300
- ราคา Gold Spot เปิดที่ 1,644
- อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาท 31.12-31.15
- GFV11 Hi- Low 24,710-23,780 ปิดที่ 23,850
Gold & Silver Insight
สัญญาทองคำ และ โลหะเงินตลาด COMEX ส่งมอบเดือนธ.ค.พุ่งขึ้น 25.6 ดอลลาร์ หรือ 1.6% ปิดที่ 1,641.6 ดอลลาร์/ออนซ์ หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 1,596.60-1,648.90 ดอลลาร์ สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนธ.ค.เพิ่มขึ้น 51.3 เซนต์ ปิดที่ 30.352 ดอลลาร์/ออนซ์ เนื่องจากนักลงทุนเข้ามาช้อนซื้อเก็งกำไรหลังจากสัญญาทองคำร่วงลงไปถึง 2.5% เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา นอกจากนี้ การปรับฐานขึ้นของราคาน้ำมันดิบและความกังวลเรื่องหนี้สินของกรีซยังเป็นอีกปัจจัยที่กระตุ้นให้นักลงทุนเข้าซื้อทองคำเพื่อความปลอดภัย
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์พุ่งขึ้น 131.24 จุด หรือ 1.21% ปิดที่ 10,939.95 จุด ดัชนี S&P 500 เพิ่มขึ้น 20.08 จุด หรือ 1.79% ปิดที่ 1,144.03 จุด ดัชนี Nasdaq พุ่งขึ้น 55.69 จุด หรือ 2.32% ปิดที่ 2,460.51 จุด เป็นการปิดบวกติดต่อกัน 2 วันทำการ หลังจากมีรายงานว่าภาคเอกชนของสหรัฐมีการจ้างงานเพิ่มขึ้นเกินคาดในเดือนก.ย. นอกจากนี้ ตลาดยังคงขานรับรายงานที่ว่า รมว.คลังยุโรปมีมติเห็นชอบให้เพิ่มทุนให้กับธนาคารพาณิชย์ในยุโรป เพื่อป้องกันไม่ให้ภาคธนาคารได้รับผลกระทบจากวิกฤตหนี้
สัญญาน้ำมันดิบตลาด NYMEX ส่งมอบเดือนพ.ย.พุ่งขึ้น 4.01 ดอลลาร์ หรือ 5.30% ปิดที่ 79.68 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 76.94-79.79 ดอลลาร์ หลังจากสำนักงานสารนิเทศด้านพลังงานของรัฐบาลสหรัฐเปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบในรอบสัปดาห์ที่แล้วลดลงอย่างเหนือความคาดหมาย และ ADP ระบุว่าภาคเอกชนของสหรัฐมีการจ้างงานเพิ่มขึ้นเกินคาดในเดือนก.ย. ซึ่งข้อมูลดังกล่าวทำให้นักลงทุนมีความเชื่อมั่นในแนวโน้มเศรษฐกิจและอุปสงค์พลังงานมากขึ้น
กองทุน SPDR Gold Trust กองทุนทองคำใหญ่ที่สุดในโลก รายงานการเข้าถือทองคำถึง ณ. วันที่ 06 ตุลาคม ไม่เปลี่ยนแปลงการถือครอง ถือครองเท่าเดิมที่ระดับ 1229.51ตัน
USD/EU
ค่าเงินยูโรอ่อนค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (5 ต.ค.) เพราะได้แรงหนุนจากการที่ผู้นำยุโรป ซึ่งรวมถึงนางแองเกลา แมร์เคล นายกรัฐมนตรีเยอรมนี ให้การสนับสนุนมาตรการเพิ่มทุนให้กับธนาคารในยุโรป เพื่อปกป้องภาคธนาคารไว้จากวิกฤตหนี้สาธารณะ นอกจากนี้ ยูโรยังดีดตัวขึ้นขานรับข่าวที่ว่านายกรัฐมนตรีเยอรมนีอาจจะเปิดทางให้มีการนำเงินจากกองทุนรักษาเสถียรภาพการเงินยุโรป (EFSF) เข้าไปช่วยเหลือภาคธนาคารของยูโรโซน ค่าเงินยูโรดีดตัวขึ้น 0.05% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.3345 ดอลลาร์ต่อยูโร จากระดับของวันอังคารที่ 1.3338 ดอลลาร์ต่อยูโร โดยค่าเงินดอลล่าร์เมื่อเทียบกับค่าเงินสกุลยูโรเช้านี้เปิดอยู่ที่ระดับ 1.3341 ดอลล่าร์ต่อยูโร
USD/JPY
ค่าเงินเยนอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลล่าร์สหรัฐ 0.08% เมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 76.770 เยนต่อดอลล่าร์ จากระดับ 76.830 เยนต่อดอลล่าร์ โดยค่าเงินดอลลาร์เมื่อเทียบกับค่าเงินสกุลเยนเช้านี้เปิดอยู่ที่ระดับ 76.740 เยนต่อดอลลาร์
USD/THB
ค่าเงินบาทปิดตลาดวานนี้ อยู่ที่ระดับ 31.19-31.22 บาทต่อดอลล่าร์ ซึ่งไม่มีการเคลื่อนไหวมากนักระหว่างวัน โดยค่าเงินบาทเช้านี้เปิดตลาดที่ระดับ 31.12-31.15บาทต่อดอลล่าร์
ข่าวเศรษฐกิจโลก
- โฆษกทำเนียบขาวได้ออกมาแสดงความวิตกกังวลเกี่ยวกับกฎหมายต่อต้านการปั่นค่าเงินของจีน ซึ่งเป็นประเด็นที่ได้รับการต่อต้านจากจีน นายเจย์ คาร์นีย์ โฆษกทำเนียบขาว กล่าวว่า "การผลักดันกฎหมายจะยิ่งทำให้เกิดความวิตกกังวลมากขึ้นเกี่ยวกับความต่อเนื่องของการดำเนินการตามภาระผูกพันระหว่างประเทศของเรา ในขณะที่เรากำลังอยู่ในช่วงของการเจรจาเกี่ยวกับประเด็นดังกล่าวกับวุฒิสมาชิก"นายจอห์น โบห์เนอร์ โฆษกสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ กล่าวว่า โอกาสที่ร่างกฎหมายดังกล่าวจะผ่านไปยังรัฐสภานั้นยังคงคลุมเคลือ "ผมคิดว่าเป็นเรื่องที่ค่อนข้างจะอันตรายที่จะผลักดันร่างกฎหมายให้ผ่านสภาคองเกรสด้วยการบีบประเทศใดประเทศหนึ่งให้รับมือกับมูลค่าสกุลเงินในประเทศของตัวเอง" เขากล่าว
- นางแองเกลา แมร์เคล นายกรัฐมนตรีเยอรมนีได้ออกมาให้การนับสนุนแผนการเพิ่มทุนให้กับธนาคารที่ประสบปัญหาด้านการเงินในยุโรป เพื่อป้องกันไม่ให้ภาคธนาคารได้รับผลกระทบจากวิกฤตหนี้สาธารณะ โดยนางแมร์เคลกล่าวว่าประเทศยุโรปควรจะเห็นพ้องต้องกันในเรื่องการเพิ่มทุนให้กับธนาคารที่ประสบปัญหา มีรายงานว่า นางแมร์เคลกล่าวในระหว่างการแถลงข่าวร่วมกับนายโฮเซ มานุเอล บาร์โรโซ ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป (อีซี) ว่า นโยบายการที่เป็นไปในทางเดียวกันในเรื่องของการเพิ่มทุนให้กับธนาคารที่ประสบปัญหาด้านการเงิน ถือเป็นความจำเป็นเร่งด่วนที่จะช่วยป้องกันภาคธนาคารไม่ให้ถูกกระทบจากวิกฤตหนี้
- สถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) เปิดว่า เผยดัชนีภาคบริการเดือนก.ย.ขยายตัวที่ระดับ 53 จุด ซึ่งมากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะขยายตัวเพียง 52.9 จุด เพราะได้แรงหนุนจากดัชนียอดสั่งซื้อใหม่ในภาคบริการที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 56.5 จุดในเดือนก.ย. จากเดือนส.ค.ที่ระดับ 52.8 จุด อย่างไรก็ตาม แม้ดัชนี PMI ภาคบริการเดือนก.ย.ขยายตัวได้ดีเกินคาด แต่ก็ยังน้อยกว่าเดือนส.ค.ที่สามารถขยายตัวได้ดีถึง 55.3 จุด เนื่องจากการจ้างงานในภาคบริการ ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนสูงถึง 80% ของตัวเลขจ้างงานโดยรวมนั้น ปรับตัวลงมาอยู่ที่ระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนเม.ย. 2553
- ADP Employer Services ซึ่งเป็นบริษัทวิจัยด้านตลาดแรงงานในสหรัฐเปิดเผยว่า ภาคเอกชนทั่วสหรัฐมีการจ้างงานเพิ่มขึ้น 91,000 ตำแหน่งในเดือนก.ย. มากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 75,000 ตำแหน่ง รายงานของ ADP ระบุว่า การจ้างงานในภาคบริการปรับตัวเพิ่มขึ้น 90,000 ตำแหน่งในเดือนก.ย. ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นติดต่อกันเป็นเดือนที่ 21 ขณะที่ตัวเลขจ้างงานในภาคการผลิตสินค้าปรับตัวเพิ่มขึ้นเพียง 1,000 ตำแหน่งเท่านั้น ส่วนตัวเลขจ้างงานของบริษัทขนาดเล็กและขนาดกลาง เพิ่มขึ้น 96,000 ตำแหน่ง แต่การจ้างงานในบริษัทขนาดใหญ่ลดลง 5,000 ตำแหน่ง