ผู้กำกับเผย “จัสติน ทิมเบอร์เลค” เหมาะแล้วกับบท “วิล — ทำงานจนตัวตาย “ใน “In time ล่าเวลาสุดนรก”

ข่าวบันเทิง Tuesday October 18, 2011 10:58 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--18 ต.ค.--MMM Digital การค้นหานักแสดงในหนังสักเรื่องที่ทุกคนต้องมีอายุ 25 ปีอาจฟังดูเป็นเรื่องง่ายๆ แต่ไม่ใช่สำหรับครั้งนี้ แม้ว่าลักษณะภายนอกอายุ 25 ปี แต่ภายในพวกเขาอายุมากกว่านั้น…บางคนอายุ 30, 50, 60 หรือบางคนมากกว่า 100 ปี ซึ่งนั่นต้องมีการแสดงออกด้วยการแสดง โดยไม่มีการแต่งหน้า ใช้เอ็ฟเฟ็กต์ต่างๆ หรือเทคนิค CGI “นักแสดงทุกคนต้องดูอายุประมาณ 25 ปี เพราะตามเรื่องราวแล้ว นั่นคือช่วงที่ยีนแห่งช่วงอายุจะหยุดทำงาน” นิคโคลอธิบายรายละเอียด อายุที่ระบุนั้นไม่ใช่อายุที่กำหนดขึ้นมาลอยๆ “มันเป็นช่วงอายุที่เราเติบโตอย่างเต็มที่ เป็นช่วงที่สมองส่วนหน้าพัฒนาถึงขีดสุด” ผู้สร้างภาพยนตร์กล่าวต่อ “มันเป็นสมองส่วนที่ควบคุมพฤติกรรมที่ได้รับการกระตุ้นและไร้การควบคุม บริษัทจัดเช่ารถรู้ดีว่าจะไม่มีการปล่อยรถให้ผู้ที่อายุ 25 ปีเช่า มีตัวละครอีกหลายตัวในหนังที่มีอายุนับ 100 ปี ผมจึงต้องค้นคว้าเรื่อง ‘จิตใจของผู้สูงอายุ’ ด้วย มีเพียงนักแสดงวัยรุ่นเท่านั้นที่สามารถแสดงเป็นผู้สูงอายุในร่างคนอายุ 25 ปี” นักแสดงคนหนึ่งที่กระโดดคว้าโอกาสในการรับบทแสดงเป็น “ผู้สูงอายุ” คือจัสติน ทิมเบอร์เลค มันเป็นก้าวแรกสู่การเป็นดาราที่โด่งดังของจัสตินที่ช่วยทำให้ผู้สร้างภาพยนตร์เชื่อมั่นในความเหมาะสมของเขากับตัวละครของวิล “ผมชอบหลักการทำงานของจัสติน มันเป็นคุณสมบัติสำคัญอย่างหนึ่งที่เขานำมาร่วมแชร์ไว้ในตัวละครวิล ซาลาส” นิคโคลกล่าว “อันที่จริงมันเหมาะสมสุดๆ ที่จัสตินรับบทแสดงเป็นวิล วิลต้องตื่นขึ้นมาเพื่อไปทำงานทุกวัน ไม่งั้นก็ตาย ซึ่งผมคิดว่าจัสตินเองก็ไม่เคยหยุดทำงานเลยตั้งแต่อายุ 12 ปี ไม่มีเหตุผลไหนเลยที่เขาจะไม่ประสบความสำเร็จในการเป็นพระเอกหนังแอ็คชั่น [อย่างบทของวิล] เพราะดูเหมือนเขาเก่งในทุกสิ่งที่เขาลงมือทำ” อีริค นิวแมน กล่าวเสริมว่า “จัสตินเป็นผู้ใหญ่ตั้งแต่เขาอายุ 17 ปี ตอนนั้นเขาเป็นซูเปอร์สตาร์ เขาไม่ได้วัยเด็กแบบทั่วไป และเขาต้องรับผิดชอบสิ่งนั้น บุคลิกตัวละครของวิลเป็นคนที่น่าจะไม่มีช่วงชีวิตวัยเด็กเหมือนกัน เพราะในโลกใบนี้เราเกิดขึ้นมาพร้อมนาฬิกาอยู่บนข้อมือ ต้องใช้เวลาช่วง 24 ปีแรกเพื่อรอให้เวลานั้นเริ่มเดิน และเมื่อนาฬิกาเริ่มทำงาน เราก็มีเวลาน้อยกว่า 1 ปีแล้ว เราต้องเผชิญหน้ากับความตายอยู่ตลอดเวลา ผมคิดวาจัสตินทำงานหนักอย่างต่อเนื่องมากกว่าคนอื่นๆ และเขานำจุดนั้นมาใช้ในการแสดงของเขาได้เป็นอย่างดี ผมคิดว่าทั้งจัสตินและวิลมีหลัก ‘ทำงานจนตัวตาย’ ที่คล้ายกัน พวกเขาใช้ชีวิตแบบเดียวกันเลย” ทิมเบอร์เลคเป็นแฟนภาพยนตร์แอ็คชั่นมาอย่างยาวนาน เขาคว้าโอกาสที่จะได้แสดงบทของตัวละครที่มีความกล้าหาญบนพื้นฐานแห่งชีวิตจริงและมีสีสันแห่งบทบาท “ตอนที่ผมเป็นเด็ก หนังเรื่องโปรดของผมเป็นหนังแอ็คชั่นอย่างเรื่อง First Blood, The Fugitive และ Die Hard” ทิมเบอร์เลคกล่าว “สิ่งหนึ่งที่ผมรักในหนังแนวนี้เป็นพิเศษ คือพระเอกเป็นคนธรรมดาที่ต้องตกมาอยู่เหตุการณ์ไม่ธรรมดา และต้องทำออะไรหลายสิ่งที่ไม่ธรรมดาด้วย” ความกล้าหาญของวิลถูกกระตุ้นขึ้นมาจากสาเหตุง่ายๆ “วิลโตขึ้นมาจากการไม่มีอะไรเลย” ทิมเบอร์เลคกล่าว “เขาตื่นขึ้นมาทุกวันและต้องไปทำงานเพื่อเลี้ยงชีวิต ตลอดเหตุการณ์ต่างๆ เขาตัดสินใจว่าเขาจะไม่ทนรับมันอีกต่อไป และถือเป็นภาระส่วนตัวที่จะพยายามเปลี่ยนแนวทางของสิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นในโลกใบนี้” “วิลโตขึ้นมาที่เดย์ตันซึ่งเป็นเหมือนสลัม มันเหมือนกับการประชดกับการใช้คำว่า ‘วัน’ เพราะประชากรส่วนใหญ่แค่เดินไปมาเพื่อใช้ชีวิต ฉะนั้นการใช้ชีวิตแบบวันต่อวันที่เดย์ตันจึงผ่านไปอย่างรวดเร็ว ทุกคนไม่มีเวลาเดินอย่างช้าๆ เลยต้องคอยวิ่งเกือบตลอดเวลาเพื่อไปยังจุดหมาย และพวกเขาต้องกินข้าวและดื่มน้ำเวลาวิ่งอยู่ตลอด พวกเขาไม่มีเวลาว่างหรือเวลาไร้สาระเลย ทุกอย่างดูบ้าคลั่งและมีชีวิตที่ดูเหมือนอันตรายแต่ไม่ได้เลวร้ายอะไรนัก เมื่อเราถูกต้อนจนมุมและไม่มีทางเลือก เราต้องหาทางแก้ไขและใช้ชีวิตในแบบที่มันควรจะเป็นเพื่อความอยู่รอด” In Time ล่าเวลาสุดนรก27 ตุลาคมนี้โรงภาพยนตร์เท่านั้น www.intime-thai.com http://www.facebook.com/InTime.Thai

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ