(ต่อ3) ผลการประชุมคณะรัฐมนตรีในส่วนที่เกี่ยวข้องกับกระทรวงคมนาคม ประจำวันที่ 13 มกราคม 2547

ข่าวทั่วไป Wednesday January 14, 2004 11:31 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--14 ม.ค.--ศูนย์ปชส. กระทรวงคมนาคม
4. เรื่อง ร่างพระราชกฤฎีกาเงินช่วยเหลือผู้ซึ่งออกจากราชการตามมาตรการพัฒนาและบริหารกำลังคนเพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลง พ.ศ….
คณะรัฐมนตรีพิจารณาร่างพระราชกฤษฎีกาเงินช่วยเหลือผู้ซึ่งออกจากราชการตามมาตรการพัฒนาและบริหารกำลังคนเพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลง พ.ศ. …. ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ แล้วมีมติ ดังนี้
1. ให้ความเห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกาเงินช่วยเหลือผู้ซึ่งออกจากราชการตามมาตรการพัฒนาและบริหารกำลังคนเพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลง พ.ศ. ....
2. อนุมัติงบประมาณเพิ่มเติมอีกประมาณ 350 ล้านบาท และ 8,000 ล้านบาท
3. ให้สำนักงบประมาณดำเนินการสำหรับราชการที่ยังไม่ได้ถ่ายโอนไปท้องถิ่น หากสมัครใจลาออกตามมาตรการ 2 งบประมาณที่ตั้งไวในหมวดเงินอุดหนุนสำหรับการถ่ายโอนบุคลากรในส่วนของข้าราชการดังกล่าวต้องโอนกลับคืนคลัง เนื่องจากไม่มีวัตถุประสงค์ในการใช้เงินดังกล่าวแล้ว เพื่อให้ถูกต้องตามความเป็นจริง
สำหรับข้าราชการที่ยังไม่ได้ถ่ายโอนไปท้องถิ่น หากสมัครใจลาออกตามมาตรการ 2 งบประมาณที่ตั้งไว้ในหมวดเงินอุดหนุนสำหรับการถ่ายโอนบุคลากรในส่วนของข้าราชการดังกล่าวต้องโอนกลับคืนคลัง เนื่องจากไม่มีวัตถุประสงค์ในการใช้เงินดังกล่าวแล้ว เพื่อให้ถูกต้องตามความเป็นจริง
กระทรวงการคลังได้ดำเนินการยกร่างพระราชกฤษฎีกาเงินช่วยเหลือผู้ซึ่งออกจากราชการตามมาตรการพัฒนาและบริหารกำลังคนเพื่อรองรับการเปลียนแปลง พ.ศ. … ตามมติคณะรัฐมนตรีโดยมีหลักการและสาระสำคัญสรุปได้ดังนี้1. คุณสมบัติของผู้มีสิทธิเข้าร่วมมาตรการพัฒนาและบริหารกำลังคนฯ
1.1 ต้องเป็นข้าราชการประเภทใดประเภทหนึ่ง ดังต่อไปนี้
- ข้าราชการพลเรือนสามัญตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบข้าราชการพลเรือน
- ข้าราชการพลเรือนในมหาวิทยาลัยตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบข้าราชการพลเรือนในมหาวิทยาลัย
- ข้าราชการครูตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบข้าราชการครู
- ข้าราชการธุรการตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบข้าราชการฝ่ายอัยการ
- ข้าราชการตำรวจตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบข้าราชการตำรวจ
- ข้าราชการทหารตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบข้าราชการทหาร
- ข้าราชการประเภทอื่นตามที่คณะรัฐมนตรีกำหนด
1.2 ข้าราชการผู้ซึ่งออกจากราชการตามมาตรการ 1 ต้องมีอายุตั้งแต่ห้าสิบปีบริบูรณ์ขึ้นไปสำหรับข้าราชการตามข้อ 1.1 ยกเว้นข้าราชการทหารต้องมีอายุตั้งแต่สี่สิบห้าปีบริบูรณ์ขึ้นไป หรือผู้ที่มีเวลาราชการสำหรับคำนวณบำเหน็จบำนาญครบยี่สิบห้าปี (ทั้งนี้ อายุตัวและอายุราชการดังกล่าวให้นับถึงวันที่ 31มีนาคม 2547 ) แต่ไม่รวมถึงเวลาราชการทวีคูณและต้องมีเวลาเหลือไม่น้อยกว่าหนึ่งปี
1.3 ข้าราชการซึ่งออกจากราชการตามมาตรการ 2 ไม่จำกัดอายุและเวลาราชการและต้องมีเวลาราชการเหลือไม่น้อยกว่าหนึ่งปี
1.4 ข้าราชการซึ่งออกจากราชการตามมาตรการ 1 และมาตรการ 2 ต้องเป็นผู้ไม่มีลักษณะต้องห้ามดังนี้
1) ไม่เป็นผู้อยู่ในระหว่างถูกสั่งพักราชการ ถูกสอบสวนหรือสอบหาข้อเท็จจริง พิจารณาโทษทางวินัย รายงานการลงโทษทางวินัย หรือพิจารณาอุทธรณ์คำสั่งลงโทษทางวินัยหรือเป็นผู้ต้องหาในคดีอาญาซึ่งมิใช่ความผิดลหุโทษหรือความผิดที่ได้กระทำโดยประมาท
2) ไม่เป็นผู้ซึ่งอยู่ในหลักเกณฑ์ที่จะต้องออกจากราชการไม่ว่ากรณีใดๆ ตามกฎหมาย เช่น ถูกสั่งออกจากราชการไว้ก่อนเพื่อรอฟังผลการสอบสวนพิจารณาถูกสั่งลงโทษปลดออก หรือไล่ออก หรือถูกสั่งออกจากราชการ เนื่องจากไม่สามมารถปฏิบัติราชการให้มีประสิทธิภาพและเกิดประสิทธิผลในระดับอันเป็นที่พอใจของทางราชการ เป็นต้น
3)ไม่เป็นผู้ที่อยู่ระหว่างปฏิบัติราชการชดใช้ตามสัญญาที่ได้ทำไว้กับส่วนราชการในการไปศึกษาฝึกอบรมหรือปฏิบัติการวิจัย หรือหากอยู่ระหว่างปฏิบัติราชการชดใช้จะต้องยินยอมชดใช้เงินตามสัญญาผูกพันที่ได้ทำไว้กับราชการ
ทั้งนี้ ผู้ที่ได้รับอนุญาตให้ลาออกจากราชการตามมาตรการดังกล่าวข้างต้น จะต้องมีคุณสมบัติครบถ้วนจนถึงวันที่ 31 มีนาคม 2547 ( ตั้งแต่วันที่ยื่นใบสมัครจนถึงวันที่ได้รับอนุญาตให้ลาออกากราชการ)
1. ให้ข้าราชการผู้เข้าร่วมตามมาตรการ 1 และมาตรการ 2 จะไดรับเงินช่วยเหลือในอัตราแปดเท่ารวมกับจำนวนเท่าตามเวลาราชการที่เหลือคูณเงินเดือนเดือนสุดท้ายรวมกับเงินประจำตำแหน่ง (ถ้ามี)แต่ไม่เกินสิบห้าเท่าของเงินเดือนเดือนสุดท้ายรวมเงินประจำตำแหน่ง (ถ้ามี)สูตร (8 + เวลาราชการที่เหลือ (ปี) ) x เงินเดือนเดือนสุดท้ายรวมเงินประจำตำแหน่ง (ถ้ามี) แต่สูงสุดไม่เกิน 15 เท่า ของเงินเดือนเดือนสุดท้ายรวมเงินประจำตำแหน่ง (ถ้ามี)
2. ในกรณีที่ผู้ซึ่งลาออกจาการาชการตามมาตรการ 1 และมาตรการ 2 ได้กลับเข้ารับราชการเป็นข้าราชการหรือลูกจ้างประจำของทางราชการ ผู้นั้นจะต้องส่งคืนเงินช่วยเหลือที่ได้รับไปแล้วพร้อมทั้งดอกเบี้ยตามอัตราเงินฝากประจำสิบสองเดือนของธนาคารออมสินให้แก่ส่วนราชการที่กลับเข้ารับราชการใหม่ตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กระทรวงการคลังกำหนด
3. หากภายหลังปรากฎว่าผู้ซึ่งออกจากราชการตามมาตรการ 1 และมาตรการ 2 เป็นผู้ที่ขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องตามข้อ 1 ให้ถือว่าคำสั่งอนุญาตให้ลาออกจากราชการเป็นอันสิ้นผลไป โดยให้ส่วนราชการสังกัดสุดท้ายแจ้งให้บุคคลดังกล่าวทราบเพื่อกลับเข้าปฏิบัติราชการโดยเร็ว ทั้งนี้ จะต้องคืนเงินที่ได้รับไปแล้วแก่ทางราชการ โดยไม่มีสิทธ์ได้รับเงินเดือนในระหว่างที่มิได้ปฏิบัติราชการด้วย
(ยังมีต่อ)
-รก-

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ