
การใฝ่รู้ ขวนขวายหาโอกาสให้ตนเองได้มีความก้าวหน้าในชีวิตเป็นเรื่องที่ดีและน่าสนใจอย่างมากโดยเฉพาะในกลุ่มเด็กที่ถือเป็นวัยเปราะบางและยังอยู่ในวัยศึกษาเล่าเรียนเพื่อให้หลุดพ้นอุปสรรคและกับดักแห่งความยากจนของครอบครัวจากสิ่งที่ตัวเองต้องพานพบตั้งแต่เกิดซึ่งเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ และแสงสว่างหนึ่งเดียวที่สามารถสาดส่องนำทางให้ชีวิตดีขึ้นได้คือการได้รับโอกาสทางการศึกษา
นูรไอนี นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 โรงเรียนในจังหวัดนราธิวาส เด็กกำพร้าจากเหตุการณ์ความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้เล่าว่า "หนูสูญเสียพ่อตั้งแต่เมื่อหนูอายุเพียง 9 เดือน หลังจากพ่อเสีย แม่ก็ไปแต่งงานใหม่ ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ย่าคือคนที่เลี้ยงดูหนู ส่วนน้าคือคนที่ทำงานหาเงินส่งหนูเรียนหนังสือ เดือนธันวาคม ปี 2567 ที่ผ่านมา ย่าของหนูซึ่งขณะนั้นมีอายุได้ 88 ปี เสียชีวิตลง ตอนนี้ในบ้านจึงมีแค่หนูกับน้าอาศัยอยู่ หนูไม่รู้เลยว่าถ้าวันหนึ่งไม่มีน้าชีวิตหนูจะอยู่ยังไงต่อไป"
"หนูไปโรงเรียนที่อยู่ห่างจากบ้านประมาณ 6 กิโลเมตร ด้วยรถบริการรับ-ส่งเพราะมีโครงการให้ขึ้นรถฟรี ได้เงินค่าขนมไปโรงเรียนไม่แน่นอนวันละ 20-25 บาท ขึ้นอยู่กับวันที่น้าหาเงินได้ด้วย ที่โรงเรียนหนูชอบเรียนวิชาภาษาไทยมากที่สุดเพราะคุณครูใจดี สอนสนุก หนูชอบเข้าร่วมกิจกรรมต่าง ๆ ที่โรงเรียนจัดขึ้น เพราะทำให้หนูเก่งขึ้น และได้เรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ มากมาย เมื่อโตขึ้นหนูอยากเป็นครูสอนวิชาภาษาไทย เพราะหนูมีคุณครูต้นแบบที่เป็นแรงบันดาลใจ นอกจากนี้การเป็นครูทำให้หนูสามารถสอนเด็ก ๆ ให้เป็นคนดีและมีความรู้ได้ หนูอยากกลับไปเป็นครูที่โรงเรียนบ้านไอสะเตียร์ ซึ่งหนูเคยเรียนตอนชั้นประถมศึกษา หนูรักคุณครูทุกคน ถ้าไม่มีคุณครู ก็ไม่มีหนูในวันนี้ ครูเปรียบเสมือนแม่คนที่สองของหนู นอกจากนั้นหนูชอบกีฬาวอลเลย์บอลและเล่นกับเพื่อน ๆ ที่โรงเรียนเสมอเมื่อมีโอกาส หนูพยายามช่วยแบ่งเบาภาระของน้าด้วยการช่วยทำความสะอาดบ้าน ล้างจาน ซักผ้า และทุกเย็นหลังเลิกเรียนหนูจะไปรับจ้างขายผลไม้ที่ตลาดได้ค่าจ้างวันละ 50 บาท หนูภูมิใจมากที่หาเงินเองได้ ทำให้หนูรู้จักคุณค่าของเงินและเก็บออมเงินไว้เพื่อใช้จ่ายในอนาคต"
"เมื่อคุณครูแนะแนวประกาศแนะนำทุนการศึกษาเด็กกำพร้าจากเหตุการณ์ความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนใต้ของมูลนิธิ EDF (มูลนิธิกองทุนการศึกษาเพื่อการพัฒนา) ซึ่งตรงกับคุณสมบัติของหนู หนูจึงรีบสมัครทันที หนูเชื่อว่าการศึกษาคือโอกาสเดียวที่จะช่วยให้หนูมีอนาคตที่ดีและในอนาคตยังสามารถส่งต่อและแบ่งปันสิ่งดี ๆ ให้คนอื่น ๆ ที่มีชีวิตเหมือนหนูได้ หากได้รับทุนการศึกษาหนูอยากนำเงินไปซื้ออุปกรณ์การเรียน อุปกรณ์ระบายสี ซึ่งจะช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายของน้า ที่สำคัญที่สุดหนูจะเก็บออมทุนการศึกษาไว้ส่วนหนึ่งสำหรับเรียนต่อในระดับมหาวิทยาลัย เพื่อทำให้ความฝันของหนูเป็นจริงคือการเป็นครูสอนภาษาไทยค่ะ"
ร่วมส่งเสริมการศึกษาให้เด็กกำพร้าจากเหตุการณ์ความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนใต้กับมูลนิธิ EDF องค์กรสาธารณกุศลลำดับที่ 255 ของประเทศไทย ด้วยการคลิกดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่เว็บไซต์ www.edfthai.org สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่โทรศัพท์ 02 579 9209-11 (วันจันทร์-วันศุกร์ เวลา 09.00-16.30 น.) อีเมล [email protected] หรือ LINE @edfthai