นายโกศล สิงหนาท ผู้อำนวยการเขตพระนคร กทม. กล่าวถึงการประสานความร่วมมือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแก้ไขปัญหากรณีมีข้อร้องเรียนนักท่องเที่ยวถูกกลุ่มคนไร้บ้านข่มขู่เรียกเก็บเงินขณะนำรถมาจอดบริเวณรอบวัดสุทัศนเทพวรารามราชวรมหาวิหารว่า จากการตรวจสอบกรณีดังกล่าวพบว่า มีนักท่องเที่ยวถูกคนไร้บ้านข่มขู่เรียกเก็บเงิน ขณะนำรถมาจอดบริเวณรอบวัดดังกล่าว หากไม่ให้เกรงว่าจะได้รับอันตราย จนทำให้เกิดความหวาดกลัว และพบว่าบริเวณดังกล่าวเป็นแหล่งมั่วสุมของคนไร้บ้านที่มักจะมารวมตัวเสพยาเสพติด ซึ่งสร้างความไม่ปลอดภัยแก่เด็กนักเรียน นักศึกษาที่จะต้องผ่านบริเวณดังกล่าว
อย่างไรก็ตาม โดยปกติบริเวณรอบวัดฯ สามารถจอดรถได้ตามปกติในเวลาที่ทางราชการกำหนด และมักจะมีกลุ่มบุคคล ซึ่งไม่ได้เป็นเจ้าหน้าที่ของ กทม. หรือเจ้าหน้าที่ของวัดเข้ามาทำทีช่วยโบกรถ หลังจากจอดรถเสร็จจะดำเนินการเรียกเก็บเงินเป็นค่าจอด ตั้งแต่ 20-100 บาท หากให้น้อยกว่านั้น หรือไม่ยอมจ่ายจะโมโห ส่งเสียงดัง และแสดงท่าทีไม่รับรองความปลอดภัยของรถที่มาจอดอีก สร้างความกังวลให้กับนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาที่วัดฯ และสร้างความเดือดร้อนรำคาญให้กับชาวบ้านในบริเวณดังกล่าว โดยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 337 ผู้ใดข่มขืนใจผู้อื่นให้ยอมให้ หรือยอมจะให้ตน หรือผู้อื่นได้ประโยชน์ในลักษณะที่เป็นทรัพย์สิน โดยใช้กำลังประทุษร้าย หรือโดยขู่เข็ญว่าจะทำอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพ ชื่อเสียง หรือทรัพย์สินของผู้ถูกขู่เข็ญ หรือของบุคคลที่สาม จนผู้ถูกข่มขืนใจยอมเช่นว่านั้น ผู้นั้นกระทำความผิดฐานกรรโชก ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี และปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท ส่วนพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) รักษาความสะอาดและความเป็นระเบียบเรียบร้อยของบ้านเมือง พ.ศ. 2535 มาตรา 19 ห้ามมิให้ผู้ใดตั้ง วาง หรือกองวัตถุใด ๆ บนถนน เว้นแต่เป็นการกระทำในบริเวณที่เจ้าพนักงานท้องถิ่น หรือพนักงานเจ้าหน้าที่ประกาศกำหนดด้วยความเห็นชอบของเจ้าพนักงานจราจร
สำหรับแนวทางการแก้ไขปัญหาดังกล่าว เจ้าหน้าที่เทศกิจสายตรวจชุด 253 ได้ดำเนินการกวดขันอย่างสม่ำเสมอบริเวณข้างวัดสุทัศน์เป็นประจำทุกวัน วันละ 2 รอบ และได้ติดตั้งป้ายประกาศห้ามจัดเก็บค่าที่จอดรถตามคำสั่งของหัวหน้าฝ่ายเทศกิจ จำนวน 5 ป้าย พร้อมตั้งจุดรับเรื่องร้องเรียนบริเวณพื้นที่ดังกล่าวเรียบร้อยแล้ว รวมทั้งประสานสถานีตำรวจนครบาล (สน.) สำราญราษฎร์ เพื่อร่วมตรวจสอบและแก้ไขปัญหาดังกล่าว
