
เมื่อวันที่ 30 เมษายน 2568 ที่เมืองซานฟรานซิสโก ประเทศสหรัฐอเมริกา World ได้จัดงานแถลงข่าวใหญ่ประจำปีในชื่อ At Last นำโดยสองผู้ร่วมก่อตั้ง Alex Blania และ Sam Altman (CEO ของ ChatGPT) เพื่อเปิดตัวนวัตกรรมสำคัญที่ขับเคลื่อนภารกิจของ World สู่การใช้งานจริงในชีวิตประจำวัน ได้แก่ การเปิดตัว World Card ที่เชื่อมต่อกับเครือข่าย Visa และการผสานการใช้งานกับเหรียญ USDC ผ่าน Circle และโปรโตคอล CCTP V2 บน World Chain โดยตรง
นอกจากนี้ยังมีการเปิดตัวฟีเจอร์ใหม่อีกหลากหลายรายการ ที่ออกแบบมาเพื่ออัปเกรดและเสริมความแข็งแกร่งให้กับระบบนิเวศของ World ในยุค AI และทั้งหมดนี้ ได้เริ่มเปิดใช้งานแล้วจริง
World Card: ใช้สินทรัพย์ดิจิทัลได้ทุกที่ที่รับ Visa
ในปลายปีนี้ World เตรียมเปิดตัว World Card ซึ่งเป็นหนึ่งในบัตรใบแรกของโลกที่ออกแบบมาสำหรับผู้ใช้งานที่ผ่าน การยืนยันตัวตนแห่งยุค AI โดยบัตรนี้จะเชื่อมต่อโดยตรงกับ World App ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถใช้จ่ายสินทรัพย์ดิจิทัลได้ทุกร้านค้าที่รับ Visa กว่า 150 ล้านแห่งทั่วโลก ทั้งออนไลน์และออฟไลน์
ผู้ค้าได้รับเงินในสกุลเงินปกติ (fiat) โดยไม่มีความยุ่งยาก ขณะที่ผู้ใช้งานสามารถใช้เหรียญ WLD และสินทรัพย์ดิจิทัลอื่นได้อย่างราบรื่นโดยไม่ต้องแปลงหรือโอนเอง นอกจากนี้ World Card ยังเตรียมเปิดตัวโปรแกรมสะสมแต้มรูปแบบใหม่ โดยผู้ใช้งานจะได้รับ WLD เป็นรางวัลจากการสมัครใช้งานบริการ AI ต่างๆ ซึ่งจะจ่ายเข้าสู่กระเป๋าโดยอัตโนมัติ
โดยบัตรจะเริ่มให้บริการในสหรัฐฯ เป็นประเทศแรก โดยอยู่ระหว่างพิจารณาขยายสู่ตลาดอื่นทั่วโลarkets under exploration.
เชื่อมต่อ USDC: เร็วกว่า ปลอดภัยกว่า ครอบคลุมทั่วโลก
อีกหนึ่งก้าวสำคัญคือการผสานเหรียญ USDC แบบ native และโปรโตคอล CCTP V2 จาก Circle เข้ากับ World Chain โดยตรง แทนที่การใช้ USDC แบบ bridged ซึ่งไม่ปลอดภัยเท่าเดิม
การอัปเกรดนี้ทำให้ผู้ใช้กว่า 25 ล้านคนใน 160 ประเทศสามารถเข้าถึง "ดอลลาร์ดิจิทัล" ที่น่าเชื่อถือและใช้งานได้รวดเร็ว ค่าธรรมเนียมต่ำ พร้อมเปิดทางให้ผู้พัฒนาแอปสามารถนำ USDC ไปใช้ภายใน Mini Apps ต่างๆ ได้ง่ายยิ่งขึ้น อีกทั้งยังรองรับการชำระเงินข้ามพรมแดน จ่ายเงินเดือนระหว่างประเทศ และบริการ on/off ramp สำหรับธุรกิจที่มีสิทธิ์ใช้งาน
การรวม USDC ยังปูทางสู่การรองรับเหรียญ EURC ในอนาคต เพื่อขยายเครือข่ายสู่ระบบการเงินยุโรปอย่างมั่นคง
อินเทอร์เน็ตที่มีมนุษย์อยู่ศูนย์กลาง: จากการเงินสู่การเชื่อมต่อ
World ยังได้ประกาศเปิดให้บริการอย่างเป็นทางการในสหรัฐอเมริกา โดยเปิดจุดให้บริการยืนยันตัวตนใน 6 เมืองเทคโนโลยี ได้แก่ แอตแลนตา ออสติน ลอสแอนเจลิส ไมอามี แนชวิลล์ และซานฟรานซิสโก ผู้ใช้งานสามารถเข้ารับการยืนยันตัวตนผ่าน Orb และใช้งานฟีเจอร์เต็มรูปแบบของ World App ได้ทันที พร้อมรับแจกเหรียญ WLD
ในเวลาเดียวกัน World ยังได้ร่วมมือกับ Match Group (เจ้าของ Tinder) เพื่อทดสอบระบบยืนยันอายุและตัวตนแบบไม่ละเมิดความเป็นส่วนตัว โดยเริ่มต้นในญี่ปุ่น เพื่อยกระดับความปลอดภัยและความจริงใจในการเชื่อมต่อบนโลกออนไลน์
ขยายโอกาสทางการเงินแบบไร้ตัวกลางด้วย Mini Apps
World ยังเปิดตัว Mini Apps ใหม่ 2 ตัว ได้แก่ 1.) Morpho: ให้ผู้ใช้งานกว่า 25 ล้านคนสามารถยืม-ให้กู้เงินคริปโตได้แบบไม่ต้องมีตัวกลาง (permissionless DeFi) โดยไม่มี seed phrase หรือขั้นตอนยุ่งยาก และ 2.) Kalshi: ให้ผู้ใช้งานร่วมทำนายเหตุการณ์สำคัญผ่านตลาด prediction market ที่ได้รับการรับรองในสหรัฐฯ โดยสามารถใช้ WLD ในการเข้าร่วม ซึ่งทั้งสองฟีเจอร์ออกแบบมาเพื่อให้รางวัลแก่ "มนุษย์จริง" ที่ผ่านการยืนยันตัวตน พร้อมรับสิทธิประโยชน์ เช่น การลดค่าน้ำมัน (gas fees) บน World Chain
โอกาสใหม่สำหรับโลก และประเทศไทย
การประกาศในครั้งนี้สะท้อนให้เห็นถึงก้าวสำคัญของ World ที่นำเทคโนโลยีด้านการยืนยันตัวตนแห่งยุค AI มาผสานเข้ากับการใช้งานทางการเงินและความน่าเชื่อถือบนโลกดิจิทัลอย่างเป็นรูปธรรม เป็นภาพของโลกยุคใหม่ที่ "การเป็นมนุษย์จริง" กลายเป็นสิ่งที่มีคุณค่าและเปิดประตูสู่โอกาสมากมาย
ฟีเจอร์ใหม่ทั้งหมดไม่เพียงเปิดทางให้เกิดการใช้งานระดับโลก แต่ยังสร้างโอกาสให้ประเทศต่างๆ รวมถึงประเทศไทย ได้เตรียมความพร้อมรับมือกับเทคโนโลยีที่ปลอดภัย เชื่อถือได้ และออกแบบมาเพื่อมนุษย์จริงๆ ทั้งในมิติของการเข้าถึงบริการทางการเงินอย่างทั่วถึง ไปจนถึงการป้องกันการปลอมแปลงตัวตนในยุคที่ AI และข้อมูลถูกใช้ในทุกมิติของชีวิต
