แนวโน้มการลงทุนของ กบข. ในปี 47

ข่าวทั่วไป Thursday January 15, 2004 09:53 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--15 ม.ค.--กบข.
กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ(กบข.) เตรียมขยายสัดส่วนการลงทุนในหุ้นปี 2547 อีกจำนวน 5,000 ล้านบาท พร้อมขยายโครงการออมต่อเนื่อง เพื่อรับนโยบายโครงการเกษียณก่อนกำหนดของ รัฐบาล
นายวิสิฐ ตันติสุนทร เลขาธิการคณะกรรมการ กบข. เปิดเผยถึงแนวโน้มการลงทุนในปี 2547 ของ กบข. โดยคาดว่าสัดส่วนการลงทุนของ กบข. ในหุ้นและกองทุนอสังหาริมทรัพย์จะเพิ่มขึ้นจากเดิม 13 % เป็น 15% ของสินทรัพย์โดยรวมทั้งหมด หรือคิดเป็นสัดส่วนที่เพิ่มขึ้น 5,000 ล้านบาท และเพิ่มสัดส่วนการลงทุนในกองทุนอสังหาริมทรัพย์ จากเดิมที่ลงทุนเพียง 3% เพิ่มเป็น 5% ในปี 2547 นี้ สำหรับเงินลงทุนส่วนใหญ่อีก 80% จะยังคงลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความมั่นคงสูงซึ่งได้แก่ การลงทุนในพันธบัตรรัฐบาล พันธบัตรรัฐวิสากิจ และ การฝากเงินหรือซื้อตราสารหนี้ของสถาบันการเงิน เป็นต้น การขยายสัดส่วนการลงทุนต่างๆ นี้ เป็นการปรับสัดส่วนตามสภาวะทางเศรษฐกิจแต่ยังคงเป็นไปตามนโยบายการลงทุนที่เน้นเรื่องความปลอดภัยของเงินต้นควบคู่ไปกับการกระจายความเสี่ยงเป็นสำคัญ
นอกจากนี้ นายวิสิฐ ยังได้กล่าวถึง การเตรียมการใน "โครงการเกษียณก่อนกำหนด" หรือ "โครงการทางเลือกใหม่ให้ชีวิต"ว่า จำนวนเงินที่จะต้องจ่ายคืนให้กับข้าราชการสมาชิก กบข.นั้น เป็นตัวเลขที่ค่อนข้างสูง ซึ่งคาดว่าจะสามารถกำหนดตัวเลขที่ชัดเจนได้ในราวเดือนมีนาคม 2547 โดยขณะนี้ กบข. ได้เสนอขอแก้ไขพระราชบัญญัติ กบข. เพื่อให้สมาชิกที่ออกจากราชการ แต่ยังไม่ประสงค์จะรับเงินคืนจาก กบข. สามารถที่จะฝากเงินให้ กบข.บริหารต่อได้ โดยไม่จำเป็นต้องขอถอนเงินออกในทันทีหรือไม่จำเป็นต้องถอนทั้งหมดในคราวเดียว ทั้งนี้เพื่อเป็นอีกทางเลือกหนึ่งให้กับข้าราชการสมาชิกที่แสดงความต้องการจะลงทุนต่อเนื่องกับ กบข.ต่อไป
เรื่องราวน่ารู้จาก กบข.
ความหมายของ มูลค่าทรัพย์สินสุทธิ ( Net Asset Value : NAV)
ในส่วนของผู้ถือหน่วยลงทุนสามารถดูผลการดําเนินงานของกองทุนรวมนั้นได้จากตัวชี้สําคัญ คือ ตัวเลข "มูลค่าทรัพย์สินสุทธิ" หรือ เอ็นเอวี ( NAV : Net Asset Value)
มูลค่าทรัพย์สินสุทธิ คือ มูลค่าของเงินลงทุนของกองทุนรวม บวก(ลบ) ด้วยผลตอบแทนสะสมที่ได้จากการลงทุน เช่น โครงการกองทุนรวม ก. เดิมมีกองทรัพย์สินไปลงทุน จํานวน 50,000,000 บาท เมื่อเวลาผ่านไปได้ทั้งดอกผลและส่วนที่ขาดทุนจากการนําเงินไปลงทุนในบางรายการ เมื่อนํามาหักลบกัน รวมทั้งหักรายการค่าใช้จ่ายต่าง ๆ แล้ว ผลที่ได้คือ กองทุนรวมที่มี "มูลค่าทรัพย์สินสุทธิ" เท่ากับ 60,000,000 บาท เมื่อนําจํานวนผลลัพธ์ดังกล่าวมาหารด้วยจํานวนหน่วยลงทุนทั้งหมดของโครงการ สมมุติว่าเท่ากับ 5,000,000 หน่วย จะได้ตัวเลขที่เรียกว่า "มูลค่าทรัพย์สินสุทธิต่อหน่วยลงทุน"เท่ากับหน่วยละ 12 บาท
ถ้าเริ่มแรกผู้ถือหน่วยลงทุนซื้อหน่วยลงทุนมา 10 บาท (ไม่รวมค่าธรรมเนียม) แสดงว่าจะได้กำไร แต่ในทางกลับกันหากว่าภาวะ ในขณะนั้นไม่ดีหักลบรายการลงทุนแล้ว มูลค่ากองทรัพย์สินอาจลดลงก็ได้ ซึ่งจะแสดงออกมาที่ตัวเลขมูลค่าทรัพย์สินสุทธิต่อหน่วยลงทุนที่ลดลงต่ำกว่าราคาที่ซื้อไว้เมื่อเริ่มแรกซึ่งก็คือ ขาดทุนนั้นเอง
ทั้งนี้สมาชิกกบข.ที่สนใจ ดูผลการดำเนินงานของ กบข. จากมูลค่ากองทุนส่วนสมาชิก สามารถตรวจสอบได้จากเว็บไซต์ กบข. www.gpf.or.th
เก็บมาฝากสมาชิก กบข.
ธุรกิจที่น่าทำ
เมื่อก้าวสู่ปีใหม่ หลายคนอยากมีของใหม่ ๆ ทำงานใหม่ๆ เพื่อเป็นรางวัลให้ชีวิต อย่าลืมเรื่องการออมเงิน การลงทุน และการวางแผนการใช้เงินในช่วงปีที่ผ่านมา ทุกอย่างเป็น วัฏจักร สำหรับแนวโน้มการทำงานธุรกิจสำหรับผู้ที่จะวางแผนชีวิตใหม่ ในปี 47 นี้ ไม่ว่าจะเป็นกำลังคนจากภาครัฐที่จะออกมาสู่ภาคธุรกิจอีกกว่า 4 หมื่นคน และคนจากภาคเอกชนที่แข็งแกร่ง ยังไม่รวมไปถึงบัณฑิตจบใหม่ที่มีไฟ และความรู้ความสามารถ ที่จะเข้าสู่ตลาดธุรกิจพร้อม ๆ กัน
การเลือกธุรกิจที่ถูกต้องเป็นเรื่องจำเป็นและสำคัญมาก โดยเราจะต้องตั้งตัวเราเป็น ศูนย์กลาง แล้วคิดว่า เรามีความรู้ความสามารถมีประสบการณ์อะไรบ้างที่เป็นจุดแข็ง และจุดอ่อน เมื่อพิจารณาได้แล้ว ก็นำสิ่งที่เรามีมาจับคู่กับธุรกิจที่น่าสนใจ น่าดึงดูด และมีลูกค้าอยากจะรอใช้สินค้า หรือ บริการนั้น ๆ
สำหรับแนวคิดธุรกิจที่น่าทำในโลกปัจจุบัน มีหลายเรื่องได้แก่ ธุรกิจด้านคอมพิวเตอร์และซอฟท์แวร์ รวมทั้งบริการที่เกี่ยวเนื่องกับด้านนี้ทั้งหมด ซึ่งอาจจะทำธุรกิจบางส่วนของด้านคอมพิวเตอร์ให้ดีเฉพาะด้าน นอกจากนี้ยังมีเรื่องการให้บริการอินเตอร์เนต ที่นับวันเรื่องนี้จะเป็นเรื่องที่มีความสำคัญมากขึ้น ๆ ตามเวลาที่ผ่านไป ผู้คนจำเป็นต้องมีความรู้ ใช้อินเตอร์เนตคล่อง ข้อมูลและการสื่อสารจะต้องรวดเร็ว ถูกต้อง ดังนั้นการให้บริการด้านนี้ไม่ว่าจะเป็นการให้บริการ หรือ Internet Applications ก็น่าจะเหมาะกับโลกสมัยนี้
นอกจากนี้ธุรกิจที่น่าสนใจอีก ได้แก่ ด้านสุขภาพอนามัยของผู้คน เพราะเทคโนโลยีข้อมูลข่าวสารที่รวดเร็ว และ เจาะลึกทำให้คนหันมาใส่ใจคุณภาพชีวิตกันมาก ดังนั้นเรื่องสุขภาพอนามัยก็เป็นธุรกิจอีกแนวทางหนึ่งที่น่าสนใจ
สำหรับเรื่องที่หนีไม่พ้นคือ “ความแก่ชรา” เพราะวิวัฒนาการสมัยใหม่จะทำให้คนเรามีชีวิตยืนยาวขึ้น อาจจะถึง 100 ปีก็ได้ ดังนั้น สินค้า หรือ บริการที่จะมีให้แก่คนในยามเป็นคนหลังเกษียณมีมากมาย ซึ่งคนกลุ่มนี้จะเป็นกลุ่มที่ผ่านการวางแผนการเงินมาแล้ว มีเงินบำนาญ เงินสำรองเลี้ยงชีพ และ พร้อมจะใช้เงินเพื่อความสุข ความสบายของตนเอง ดังนั้นการทำธุรกิจเกี่ยวกับคนกลุ่มนี้น่าจะ เติบโตได้ดีในสมัยใหม่
สำหรับคนทำงานปัจจุบันที่ยังต้องรับมือการการเปลี่ยนแปลงอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน สิ่งที่ต้องการคือ ธุรกิจที่จะทำให้ชีวิตที่บ้านเป็นชีวิตที่ง่ายขึ้น สั่งได้ เพราะคนทำงานในปัจจุบันย่อมมีภาวะใกล้เคียงกันคือ ทำงานนอกบ้าน ที่บ้านไม่มีคนทำงานบ้าน ไม่มีคนทำสวน ไม่มีคนทำอาหาร ไม่มีคนรดน้ำต้นไป ล้างรถ หรือ เลี้ยงลูก ฯลฯ ดังนั้นธุรกิจใดก็ตามที่จะทำให้ชีวิตเมื่อกลับจากที่ทำงานมาถึงบ้านแล้ว จะได้รับความสะดวกสบาย สะอาด คนทำงานกลุ่มนี้เมื่อถึงจุดหนึ่งยอมจ่ายอยู่แล้ว เพราะคงคิดแล้วว่าเอาเวลาไปทำงานอื่นได้เงินมากกว่านั่นเอง
สำหรับปีใหม่นี้ ขอให้ทุกคนมีความสุขกับการงาน และ การเงิน อย่าลืมว่าทุกเรื่องในชีวิตจะต้องมีการวางแผนทั้งสิ้น ไม่เว้นแม้แต่เรื่องเงินที่เป็นเรื่องใกล้ตัวเราที่สุด โดยเฉพาะการทำธุรกิจ หากยังไม่มีความรู้ความเข้าใจก็ไปปรึกษา หรือ เรียนเพิ่มเติมให้ตัวเรามีข้อมูล และวิธีการให้พร้อมด้วย ออมเงินและนำเงินไปลงทุนได้อย่างถูกต้องบรรลุเป้าหมาย เท่านี้ก็ทำให้ชีวิตเป็นสุขได้แล้ว.
หากท่านมีข้อสงสัยสามารถติดต่อสอบถามได้ที่ :-
ศูนย์บริการข้อมูลสมาชิกโทร. 1179 กด 6 เพื่อติดต่อกับเจ้าหน้าที่โดยตรง
หรือ email: member@gpf.or.th
หรือฝ่ายสมาชิกสัมพันธ์กบข. ตู้ปณ. 19 ปณฝ. กระทรวงการคลัง กรุงเทพฯ 10411--จบ--
-รก-

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ