
หนุนกำไรสุทธิ 224 ล้านบาท เติบโต 15.1% ตอกย้ำผู้นำสินเชื่อเพื่อสังคม วางกลยุทธ์รุกขยายสินเชื่อทะเบียนรถเป็นประกัน เจาะกลุ่มเกษตรกรรับฤดูกาลเพาะปลูก
บมจ.ศักดิ์สยามลิสซิ่ง' หรือ SAK ผู้ให้บริการสินเชื่อรายย่อย โชว์ผลการดำเนินงาน 1/2568 พอร์ตสินเชื่อรวมเพิ่มขึ้นเป็น 14,428 ล้านบาท เติบโต 16.7% ส่งผลมีรายได้รวม 826 ล้านบาท เติบโต 14.3% และมีกำไรสุทธิ 224 ล้านบาท เติบโต 15.1% ตอกย้ำความเป็นผู้นำสินเชื่อเพื่อสังคมแก่เกษตรกรและประชาชน ปักหมุดสร้างโมเมนตัมการเติบโต รุกสินเชื่อที่มีทะเบียนรถเป็นประกัน เจาะกลุ่มเกษตรกร ขานรับไฮซีซั่นเข้าสู่ฤดูกาลเพาะปลูก ตั้งเป้าพอร์ตสินเชื่อรวมแตะ 16,400 ล้านบาท
นายศิวพงศ์ บุญสาลี กรรมการผู้จัดการ บริษัท ศักดิ์สยามลิสซิ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ SAK ผู้ให้บริการสินเชื่อรายย่อยภายใต้แบรนด์ 'ศักดิ์สยามลิสซิ่ง' เปิดเผยถึงภาพรวมผลการดำเนินงานปี 1/2568 (มกราคม-มีนาคม 2568) ว่า บริษัทฯ ดำเนินงานสู่ความสำเร็จตามกรอบเป้าหมายที่ตั้งไว้ ด้วยการวางกลยุทธ์การส่งมอบบริการสินเชื่อที่ครอบคลุมยิ่งขึ้น จากการขยายสาขาในไตรมาส 1/2568 เพิ่มอีก 50 สาขาได้ตามเป้าหมาย รวมเป็น 1,079 สาขา จากสิ้นปี 2567 ที่มีทั้งหมด 1,029 สาขา ส่งผลให้ขยายลูกค้าและลูกหนี้สินเชื่อรายใหม่เพิ่มขึ้น อีกทั้งดีมานด์สินเชื่อที่มีทะเบียนรถเป็นประกันเติบโต 8.6% และสินเชื่อที่ดิน เติบโต 295.0% ช่วยขับเคลื่อนให้พอร์ตสินเชื่อโดยรวมทะยานสู่ 14,428 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 16.7% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
ขณะที่รายได้รวมไตรมาส 1/2568 อยู่ที่ 826 ล้านบาท เติบโต 14.3% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา และมีกำไรสุทธิ 224 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15.1% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ตอกย้ำเป็นผู้นำสินเชื่อเพื่อสังคม สร้างรากฐาน สร้างงาน สร้างคน บริการดี มีมาตรฐาน มอบผลิตภัณฑ์สินเชื่อและบริการใหม่ที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้อย่างครบวงจร นอกจากนี้บริษัทฯ สามารถควบคุม NPLs อยู่ในระดับ 2.6 ส่วนการตั้งสำรองไตรมาส 1/2568 อยู่ที่ 2.6% ซึ่งในไตรมาส 2/2568 บริษัทฯ ยังคงวางระดับการตั้งสำรองอย่างรอบคอบ เพื่อรองรับการเติบโตทางธุรกิจและรักษาสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง
สำหรับแผนธุรกิจในไตรมาส 2/2568 บริษัทฯ รุกขยายสินเชื่อที่มีทะเบียนรถเป็นประกันต่อเนื่อง เพื่อรับกับภาพธุรกิจที่คาดการณ์สินเชื่อที่มีทะเบียนรถเป็นประกันในปีนี้จะขยายตัว 10-15% อีกทั้งยังเป็นช่วงที่เข้าสู่ฤดูกาลเพาะปลูก ส่งผลให้ดีมานด์สินเชื่อส่วนบุคคลที่มีทะเบียนรถเพื่อการเกษตรจะเติบโตในเดือนเมษายน-พฤษภาคมนี้ เนื่องจากกลุ่มเกษตรกรจะขอสินเชื่อเพื่อเป็นแหล่งเงินทุนเพิ่มขึ้น รวมทั้งรุกขยายโซลาร์รูฟ ท็อป และสินเชื่อโซลาร์ปั๊มน้ำ (ปั๊มน้ำพลังงานแสงอาทิตย์) ผ่านบริษัทในเครือ นอกจากนี้ยังมีปัจจัยบวกจากต้นทุนทางการเงินที่ลดลงตามทิศทางอัตราดอกเบี้ย มั่นใจว่าบริษัทฯ จะขยายฐานลูกหนี้ใหม่ได้อย่างต่อเนื่องและผลักดันพอร์ตสินเชื่อรวมเติบโต 15% ทะยานแตะ 16,400 ล้านบาท