
บลจ.อีสท์สปริง เปิด 2 กองทุนใหม่ กองพันธบัตรรัฐมุ่งรักษาเงินต้น "ES-GOVCP6M41" อายุ 6 เดือน ชูยิลด์ 1.35%ต่อปี และกองทุนเปิดอีสท์สปริงตราสารหนี้ต่างประเทศ 1Y2 ห้ามขายผู้ลงทุนรายย่อย "ES-FF1Y2" อายุ 1 ปี เน้นลงทุนบัตรเงินฝาก/ตราสารหนี้ต่างประเทศ ชูยิลด์ 1.55% ต่อปี เพื่อเพิ่มโอกาสทางเลือกลงทุน เสนอขายครั้งแรกครั้งเดียว 13-15 พฤษภาคม 2568 นี้
บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน อีสท์สปริง (ประเทศไทย) จำกัด หรือ บลจ.อีสท์สปริง เปิดเสนอขาย 2 กองทุนใหม่พร้อมกัน เพื่อเป็นการเพิ่มโอกาสทางเลือกการลงทุนให้กับผู้ลงทุนในช่วงนี้ ประกอบด้วย กองทุนเปิดอีสท์สปริง พันธบัตรรัฐมุ่งรักษาเงินต้น 6M41 (ES-GOVCP6M41) อายุประมาณ 6 เดือน เงินลงทุนโครงการ 5,000 ล้านบาท ด้วยเงินลงทุนขั้นต่ำเพียง 1,000 บาท และกองทุนเปิดอีสท์สปริง ตราสารหนี้ต่างประเทศ 1Y2 ห้ามขายผู้ลงทุนรายย่อย (ES-FF1Y2) อายุ 1 ปี มูลค่าโครงการ 2,000 ล้านบาท ด้วยเงินลงทุนขั้นต่ำ 500,000 บาท โดยเปิดเสนอขายครั้งแรกครั้งเดียวพร้อมกันระหว่างวันที่ 13-15 พฤษภาคม 2568 นี้
สำหรับกองทุนเปิดอีสท์สปริง พันธบัตรรัฐมุ่งรักษาเงินต้น 6M41 (ES-GOVCP6M41) เป็นกองทุนรวมตราสารหนี้ที่มุ่งรักษาเงินต้นที่ผู้ลงทุนจะมีโอกาสได้รับเงินต้นคืนเต็มจำนวน และมีโอกาสได้รับผลตอบแทนเพิ่มจากการเพิ่มขึ้นของมูลค่าหน่วยลงทุน ณ วันครบอายุโครงการ โดยมีนโยบายที่จะนำเงินลงทุนไปลงทุนในตั๋วเงินคลัง และ/หรือพันธบัตรรัฐบาล และ/หรือพันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย ในอัตราส่วนไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน สำหรับเงินลงทุนส่วนที่เหลือจะลงทุนในเงินฝากธนาคาร และ/หรือหลักทรัพย์หรือทรัพย์สินอื่น หรือการหาดอกผลโดยวิธีอื่นตามที่สำนักงานคณะกรรมการก.ล.ต. กำหนดหรือเห็นชอบให้กองทุนลงทุนได้ และกองทุนจะไม่ลงทุนในสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (Derivatives) ทั้งนี้ กองทุนจะลงทุนเพียงครั้งเดียวและถือครองทรัพย์สินที่ลงทุนจนครบอายุโครงการ (Buy and Hold) โดยคาดหวังจะได้รับผลตอบแทนประมาณ 1.50% ต่อปี ณ วันครบอายุโครงการ ซึ่งเมื่อหักค่าใช้จ่ายประมาณ 0.15% ต่อปี ณ วันครบอายุโครงการแล้ว ผู้ลงทุนจะได้รับประมาณการผลตอบแทนอยู่ที่ 1.35% ต่อปีของเงินลงทุนเริ่มแรก (แหล่งที่มาของข้อมูล อัตราผลตอบแทนที่เสนอขายโดยผู้ออกตราสาร ณ วันที่ 8 พฤษภาคม 2568)
ส่วนกองทุนเปิดอีสท์สปริง ตราสารหนี้ต่างประเทศ 1Y2 ห้ามขายผู้ลงทุนรายย่อย(ES-FF1Y2) มีนโยบายที่จะนำเงินลงทุนไปลงทุนในตราสารหนี้ภาครัฐ และหรือรัฐวิสาหกิจ และหรือสถาบันการเงิน และหรือภาคเอกชน รวมถึงตราสารหนี้อื่นใดที่เสนอขายในต่างประเทศและ/หรือเงินฝากต่างประเทศ รวมกันไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน สำหรับเงินลงทุนส่วนที่เหลือจะลงทุนในเงินฝากธนาคาร และ/หรือหลักทรัพย์หรือทรัพย์สินอื่นหรือการหาดอกผลโดยวิธีอื่นตามที่สำนักงานคณะกรรมการ ก.ล.ต.กำหนดหรือเห็นชอบให้กองทุนลงทุนได้ ทั้งนี้กองทุนจะเข้าทำสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (Derivatives) เพื่อป้องกันความเสี่ยง(Hedging) ด้านอัตราแลกเปลี่ยนทั้งจำนวน (Fully Hedge) และอาจเข้าทำสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (Derivatives) สำหรับตราสารที่มีอายุยาวกว่าอายุโครงการเพื่อป้องกันความเสี่ยงจากอัตราดอกเบี้ยและสภาพคล่อง ซึ่งจะลงทุนเพียงครั้งเดียวและถือครองทรัพย์สินที่ลงทุนจนครบอายุโครงการ (Buy and Hold)
สำหรับตราสารที่กองทุน ES-FF1Y2 คาดว่าจะลงทุนประกอบด้วยบัตรเงินฝาก/ตราสารหนี้ ในธนาคารต่างประเทศ ได้แก่
1.Agricultural Bank of China (ABC) อันดับความน่าเชื่อถือ A(Fitch) สัดส่วน 18% 2.China Construction Bank (CCB) อันดับความน่าเชื่อถือ A(Fitch) สัดส่วน 18% 3.Bank of China (BOC) อันดับความน่าเชื่อถือ A(Fitch) สัดส่วน 18% 4.Industrial and Commercial Bank of China (ICBC) อันดับความน่าเชื่อถือ A(Fitch) สัดส่วน 18%
5.Bank of Communication (BOCOM) อันดับความน่าเชื่อถือ A(Fitch) สัดส่วน 18% และ6.Deutsche Bank AG อันดับความน่าเชื่อถือ A-(Fitch) สัดส่วน 10% โดยคาดหวังจะได้รับผลตอบแทนประมาณ 1.76%ต่อปี ณ วันครบอายุโครงการ ซึ่งเมื่อหักค่าใช้จ่ายประมาณ 0.21% ต่อปี ณ วันครบอายุโครงการแล้ว ผู้ลงทุนจะได้รับประมาณการผลตอบแทนอยู่ที่ 1.55% ต่อปีของเงินลงทุนเริ่มแรก (แหล่งที่มาของข้อมูล อัตราผลตอบแทนที่เสนอขายโดยผู้ออกตราสาร ณ วันที่ 8 พฤษภาคม 2568)
ทั้งนี้ เมื่อครบกำหนดอายุทั้ง 2 กองทุน บลจ.อีสท์สปริง จะดำเนินการรับซื้อคืนหน่วยลงทุนแบบอัตโนมัติ และทำการสับเปลี่ยนหน่วยลงทุนของกองทุนทั้งจำนวนของผู้ถือหน่วยทุกราย ไปยังกองทุนเปิดอีสท์สปริง ธนรัฐ (ES-TM) หรือกองทุนรวมตลาดเงินอื่นที่บลจ.อีสท์สปริง เปิดให้บริการสับเปลี่ยนหน่วยลงทุน ในวันทำการก่อนวันสิ้นสุดอายุโครงการ
อย่างไรก็ตาม หากไม่สามารถลงทุนให้เป็นไปตามที่กำหนดไว้ เนื่องจากสภาวะตลาดมีการเปลี่ยนแปลงไป ผู้ลงทุนอาจไม่ได้รับผลตอบแทนตามอัตราที่กำหนดไว้ทั้งนี้ ผู้ลงทุนจะไม่สามารถขายคืนหน่วยลงทุนกองทุน (ES-GOVCP6M41) ได้ในช่วงระยะเวลา 6 เดือน และกองทุน ES-FF1Y2 ได้ในช่วงระยะเวลา 1 ปี ดังนั้น หากมีปัจจัยลบที่ส่งผลกระทบต่อการลงทุนดังกล่าว ผู้ลงทุนอาจสูญเสียเงินลงทุนจำนวนมาก กองทุนอาจไม่ได้รับเงินต้นและผลตอบแทนตามที่คาดหวังไว้ หากผู้ออกตราสารที่กองทุนลงทุนไม่สามารถชำระเงินต้นและดอกเบี้ยคืนได้ บริษัทจัดการขอสงวนสิทธิในการเปลี่ยนแปลงทรัพย์สินที่ลงทุนหรือสัดส่วนการลงทุนได้เฉพาะเมื่อมีความจำเป็นและสมควรเพื่อประโยชน์ของผู้ลงทุนเป็นสำคัญ โดยการเปลี่ยนแปลงนั้นต้องไม่ทำให้ความเสี่ยงของทรัพย์สินที่ลงทุนเปลี่ยนแปลงไปอย่างมีนัยสำคัญ และผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนการตัดสินใจลงทุน และกองทุนมีความเสี่ยงที่สำคัญ เช่น ความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงของอัตราดอกเบี้ย ความเสี่ยงจากการขาดสภาพคล่องของตราสาร และความเสี่ยงจากความผันผวนของราคาหลักทรัพย์ เป็นต้น