กวาดรายได้จากการขาย 881.4 ล้านบาท รับแรงหนุนจากทุกกลุ่มธุรกิจ
พร้อมเดินหน้า 4 กลยุทธ์ขับเคลื่อนสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน
'ส. ขอนแก่นฟู้ดส์' หรือ SORKON โชว์ฟอร์มผลดำเนินงานไตรมาส 1/2568 ทำรายได้จากการขาย 881.4 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 20% และทำกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของบริษัทฯ 57.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 271.9% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน รับการเติบโตจากทุกกลุ่มธุรกิจ โดยเฉพาะธุรกิจอาหารแปรรูปจากเนื้อสัตว์ รับอานิสงส์กระแสบริโภคแหนมต่อเนื่อง และกลุ่มฟาร์มสุกรที่ได้รับประโยชน์จากราคาและปริมาณสุกรที่เพิ่มสูงขึ้น พร้อมเดินหน้า 4 กลยุทธ์ขับเคลื่อนธุรกิจสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน
นายจรัญพจน์ รุจิราโสภณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธุรกิจในประเทศ บริษัท ส. ขอนแก่นฟู้ดส์ จำกัด (มหาชน) หรือ SORKON ผู้ผลิตและจำหน่ายอาหารแปรรูปจากเนื้อสัตว์รายใหญ่ของไทย เปิดเผยว่า สำหรับผลการดำเนินงานในไตรมาส 1/2568 (มกราคม-มีนาคม) บริษัทฯ มีรายได้จากการขายรวม 881.4 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 20% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่มีรายได้จากการขาย 734.7 ล้านบาท ทั้งนี้ เป็นผลจากธุรกิจอาหารแปรรูปจากเนื้อสัตว์ซึ่งเป็นกลุ่มธุรกิจหลักเติบโตอย่างแข็งแกร่ง รวมถึงกระแสของผลิตภัณฑ์แหนมที่ได้รับความนิยมจากผู้บริโภคต่อเนื่อง รวมถึงการทยอยออกผลิตภัณฑ์ใหม่เข้าสู่ตลาด เพื่อเพิ่มยอดขายและสร้างสีสันให้กับตลาด นอกจากนี้ กลุ่มธุรกิจฟาร์มสุกรยังมีรายได้เพิ่มขึ้น จากปัจจัยด้านราคาสุกรที่ขยับตัวสูงขึ้น และจำนวนสุกรก็ขายได้มากขึ้นสอดรับกันไปด้วย
เมื่อพิจารณาในแต่ละกลุ่มธุรกิจในงวดไตรมาส 1/2568 บริษัทฯ มีรายได้จากกลุ่มอาหารแปรรูปจากเนื้อสัตว์ จำนวน 457.1 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 51.9% ของยอดขายรวม เพิ่มขึ้น 10.3% เมื่อเทียบไตรมาสเดียวกันของปีก่อน จากกลยุทธ์การส่งเสริมการขาย จึงทำให้เกิดความนิยมในผลิตภัณฑ์มากขึ้น นอกจากนี้ ได้ออกผลิตภัณฑ์ใหม่สู่ตลาดเพื่อตอบสนองความต้องการผู้บริโภค ส่งผลให้ยอดขายของบริษัทฯ เพิ่มสูงขึ้น ด้านรายได้กลุ่มอาหารทะเลแปรรูป จำนวน 291.0 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 33% ของยอดขายรวม เพิ่มขึ้น 10.3% เมื่อเทียบไตรมาสเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากกลุ่มบริษัทฯ ได้ขยายตลาดส่งออกต่อเนื่อง ประกอบกับการขยายตลาดดังกล่าวมีอัตรากำไรที่สูงกว่าตลาดเดิม จึงทำให้อัตรากำไรขั้นต้นจากกลุ่มธุรกิจนี้เพิ่มสูงขึ้น
ขณะที่ รายได้กลุ่มงานร้านอาหาร Quick Service Restaurant (QSR) จำนวน 23.4 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 2.6% ของยอดขายรวม เพิ่มขึ้น 25% เมื่อเทียบไตรมาสเดียวกันของปีก่อน จากการเปิดสาขาใหม่ในทำเลที่มีศักยภาพ และมีการปิดสาขาที่มีผลประกอบการขาดทุนตั้งแต่ปีก่อน นอกจากนี้ ได้เพิ่มอาหารในรูปแบบบุฟเฟต์ ทำให้รายได้เพิ่มขึ้น รวมไปถึงมีการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายเพื่อสร้างโมเมนตัมให้กับกลุ่มธุรกิจ ด้านรายได้กลุ่มงานฟาร์มสุกร จำนวน 109.9 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 12.5% ของยอดขายรวม เพิ่มขึ้น 92.7% เทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน โดยรายได้ธุรกิจฟาร์มเพิ่มขึ้นจากปริมาณสุกรที่เพิ่มและราคาขายเฉลี่ยต่อหน่วยที่ปรับสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกัน บริษัทฯ มีการควบคุมต้นทุนที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น ส่งผลให้ต้นทุนต่อหน่วยลดลง ผลักดันภาพรวมของกลุ่มฟาร์มสุกรดีขึ้น และรายได้จากการให้เช่าและบริการ จำนวน 4.5 ล้านบาท เติบโต 8.7% เทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน โดยสามารถหาผู้เช่ารายใหม่ได้เพิ่มขึ้น อีกทั้งยังสามารถบริหารจัดการค่าใช้จ่ายคงที่ได้ดีขึ้น
สำหรับ กำไรสุทธิส่วนที่เป็นของบริษัทฯ ในไตรมาส 1/2568 ทำได้ 57.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 271.9% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน สอดรับกับผลประกอบการที่เติบโต โดยเฉพาะธุรกิจฟาร์มสุกรที่เพิ่มขึ้น จากปัจจัยราคาและปริมาณสุกรที่เพิ่มสูงขึ้น นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังรับรู้กำไรจากการเปลี่ยนแปลงมูลค่ายุติธรรมหักต้นทุนการขายของสินทรัพย์ชีวภาพที่เพิ่มขึ้น จำนวน 22.8 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.2 เท่าเมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธุรกิจในประเทศ SORKON กล่าวว่า บริษัทฯ มุ่งมั่นดำเนินงานภายใต้วิสัยทัศน์ "ร่วมสร้างสรรค์ระบบนิเวศอาหารไทยแห่งการแบ่งปันที่มุ่งทำให้ชีวิตของทุกคนดีขึ้นอย่างยั่งยืน" ด้วย 4 กลยุทธ์หลัก ได้แก่ (1) Wow Customer Experience เสริมความแข็งแกร่งในกลุ่มธุรกิจหลัก ผ่านการออกแบบและพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ให้ความสำคัญกับผู้บริโภคเป็นศูนย์กลาง (Customer Centric) มุ่งเน้นให้สอดคล้องกับไลฟ์สไตล์ปัจจุบันและตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคที่หลากหลาย (2) E-Global and Own Channels พัฒนาช่องทางการจัดจำหน่ายให้ครอบคลุมและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ทั้งออนไลน์และออฟไลน์รวมถึงขยายสู่ตลาดต่างประเทศ (3) Sustainable Supply Chain Integration วางแผนบูรณาการการบริหารจัดการภายในเครือ เพื่อเสริมสร้างความคล่องตัวในการดำเนินธุรกิจและเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันอย่างยั่งยืน และ (4) Foundation Excellence เสริมสร้างรากฐานด้านบุคลากรและสินทรัพย์ขององค์กรให้มั่นคง เตรียมพร้อมรับการเติบโตในอนาคต