
กลุ่ม KTIS เผย 2 สายธุรกิจที่เติบโตสูงในไตรมาสที่ 2/68 (ม.ค.-มี.ค. 68) รายได้สายธุรกิจเยื่อกระดาษโต 73.5% และโรงไฟฟ้าชีวมวล รายได้โต 23.1% ส่วนสายธุรกิจน้ำตาลทรายที่ได้ผลดีจากปริมาณน้ำตาลทรายที่มากกว่าปีก่อน 31.4% จะรับรู้รายได้มากขึ้นในไตรมาสที่ 3 และ 4 (เม.ย. - ก.ย. 68) เมื่อมีการส่งมอบน้ำตาลมากขึ้น รวมถึงกากน้ำตาลที่รอจำหน่ายอีกกว่า 1.6 แสนตัน มูลค่ากว่า 560 ล้านบาท
นายสมชาย สุวจิตตานนท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายธุรกิจน้ำตาล และผู้ช่วยประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท เกษตรไทย อินเตอร์เนชั่นแนล ชูการ์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือกลุ่ม KTIS ผู้นำในอุตสาหกรรมน้ำตาลและอุตสาหกรรมต่อเนื่องครบวงจรสู่ BCG อย่างยั่งยืน เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานในไตรมาส 2 ปี 2568 บริษัทฯ มีรายได้รวม 5,093.5 ล้านบาท โดยสายธุรกิจที่มีการเติบโตของรายได้สูง ได้แก่ ธุรกิจผลิตเยื่อกระดาษจากชานอ้อย รายได้เพิ่มขึ้นถึง 73.5% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน และสายธุรกิจผลิตไฟฟ้าจากเชื้อเพลิงชีวมวล รายได้เพิ่มขึ้น 23.1%
สำหรับสายธุรกิจผลิตและจำหน่ายน้ำตาลทราย ซึ่งในฤดูการผลิตปี 2567/68 สามารถผลิตน้ำตาลทรายได้ประมาณ 6.7 ล้านกระสอบ เพิ่มขึ้น 31.4% เมื่อเทียบกับปริมาณน้ำตาลทรายที่ผลิตได้ในปี 2566/67 จะได้รับผลบวกนี้ชัดเจนขึ้นในช่วงไตรมาสที่ 3 - 4 (เมษายน - กันยายน 2568) ตามการทยอยส่งมอบน้ำตาลส่งออก
ทั้งนี้ ผลผลิตอ้อยและน้ำตาลทรายของกลุ่ม KTIS ที่เพิ่มขึ้นในปีนี้ สูงกว่าค่าเฉลี่ยของการเติบโตของผลผลิตอ้อยและน้ำตาลทั่วประเทศ สะท้อนถึงความสำเร็จในการส่งเสริมและสนับสนุนทั้งองค์ความรู้และเครื่องมือต่างๆ ให้กับชาวไร่อ้อยคู่สัญญาของกลุ่ม KTIS เพื่อให้ได้ผลผลิตอ้อยต่อไร่เพิ่มมากขึ้น ซึ่งเป็นเรื่องที่น่ายินดีสำหรับชาวไร่อ้อยที่ได้รับส่วนแบ่งรายได้จากการขายน้ำตาล 70% อีก 30% เป็นส่วนแบ่งของโรงงานน้ำตาล
"ปริมาณผลผลิตอ้อยที่เพิ่มขึ้นทำให้มีวัตถุดิบเข้าสู่อุตสาหกรรมต่อเนื่องมากขึ้น ดังจะเห็นได้จากการเติบโตที่ดีของสายธุรกิจผลิตเยื่อกระดาษชานอ้อย และโรงไฟฟ้าชีวมวล นอกจากนี้ ยังได้กากน้ำตาล (โมลาส) มากขึ้นด้วย โดยเพิ่มจาก 2 แสนตันเมื่อปีก่อน เป็นประมาณ 3 แสนตันในปีนี้ และยังคงเหลือสำหรับการจำหน่ายในไตรมาสที่ 3-4 อีกกว่า 1.6 แสนตัน เป็นมูลค่ากว่า 560 ล้านบาท ซึ่งจะสร้างผลกำไรที่ดีในครึ่งปีหลัง 2568" นายสมชายกล่าว สำหรับธุรกิจผลิตบรรจุภัณฑ์เพื่อสิ่งแวดล้อมจากเยื่อชานอ้อยบริสุทธิ์ 100% ภายใต้บริษัท เอ็นไวรอนเม็นท์พัลพ์ แอนด์ แพคเกจจิ้ง จำกัด (EPAC) บริษัทในกลุ่ม KTIS ก็เป็นสายธุรกิจที่เติบโตได้อย่างโดดเด่น โดยจากการประเมินคำสั่งซื้อล็อตใหญ่ๆ ที่มีเข้ามาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่ไม่ใช้สาร PFAS (Per- and Polyfluoroalkyl Substances) หรือที่เรียกว่า PFAS-Free ซึ่งเป็นที่ต้องการของตลาดยุโรปและอเมริกา คาดว่าจะมีรายได้จาก EPAC ในปี 2568 นี้ ไม่น้อยกว่า 500 ล้านบาท