
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และบริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) เพื่อพัฒนาการศึกษา และการเรียนรู้สู่สังคม เมื่อวันศุกร์ที่ 30 พฤษภาคม 2568 ณ เรือนจุฬานฤมิต จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โดยมี ศาสตราจารย์ ดร.วิเลิศ ภูริวัชร อธิการบดีจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และนายยุทธศักดิ์ ภูมิสุรกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) ผู้บริหารเซเว่น อีเลฟเว่น และเซเว่น เดลิเวอรี่ ร่วมลงนาม
ความร่วมมือครั้งนี้มีเป้าหมายสำคัญในการยกระดับการเข้าถึงองค์ความรู้ที่เข้าใจง่าย ใช้ได้จริง และเชื่อมโยงกับชีวิตประจำวันในการเปลี่ยน "ร้านสะดวกซื้อ" ให้กลายเป็น "ร้านสะดวกรู้" ซึ่งจะเป็นพื้นที่แห่งการเรียนรู้ยุคใหม่สำหรับคนทุกวัยในชุมชน โดยใช้ศักยภาพของร้านค้าในกลุ่มธุรกิจซีพี ออลล์ เป็นกลไกกระจายความรู้จากจุฬาฯ สู่ประชาชนในวงกว้าง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องสุขภาพ สิ่งแวดล้อม การเงิน หรือทักษะชีวิต ผ่านสื่อสารสนเทศและกิจกรรมที่เข้าถึงง่าย
ศาสตราจารย์ ดร.วิเลิศ ภูริวัชร กล่าวว่า โครงการนี้สะท้อนถึงบทบาทของจุฬาฯ ในการนำองค์ความรู้จากมหาวิทยาลัยไปสู่สังคมอย่างแท้จริงโดยเฉพาะอย่างยิ่งการใช้พื้นที่ร้านค้าของภาคธุรกิจมาเป็นช่องทางในการส่งต่อความรู้สู่ชุมชน ถือเป็นอีกหนึ่งรูปธรรมของการพัฒนาประเทศผ่านการศึกษาและปัญญาอย่างยั่งยืน
นายยุทธศักดิ์ ภูมิสุรกุล กล่าวเพิ่มเติมว่า ซีพี ออลล์ มีความยินดีอย่างยิ่งที่ได้เป็นพันธมิตรร่วมกับจุฬาฯ ในการสร้างพื้นที่เรียนรู้ระดับชุมชน พร้อมกับเปิดโอกาสให้นิสิตได้ทดลองและพัฒนานวัตกรรมด้านการจัดการและบริการที่เป็นประโยชน์ต่อสังคมในภาพรวม ตอกย้ำนโยบายสร้างคนผ่านการศึกษา ที่ซีพี ออลล์ มุ่งมั่นขับเคลื่อนมากว่า 30 ปี เพื่อสร้างคนเก่ง คนดีสู่สังคม เซเว่น อีเลฟเว่น จะเป็นมากกว่าร้านค้า แต่เป็นพื้นที่ปลุกพลังการเรียนรู้ในชีวิตจริง ที่ให้คุณค่าทั้งสินค้าและสติปัญญา พร้อมส่งเสริมให้นิสิตได้ฝึกทักษะนวัตกรรมและการจัดการในสภาพแวดล้อมจริง
โครงการนี้ยังครอบคลุมการพัฒนาหลักสูตรระยะสั้น ด้านนวัตกรรมเพื่อชุมชน การใช้สื่อสารสนเทศเพื่อการเรียนรู้ และการจัดกิจกรรมร่วมสมัยที่จะเปลี่ยนทุกการเดินเข้าร้านเซเว่น อีเลฟเว่น ให้เป็นโอกาสแห่งการเรียนรู้ตลอดชีวิต เชื่อมโยงความรู้กับการใช้จริงในพื้นที่ร้านสะดวกซื้อเซเว่น อีเลฟเว่น และการสร้างกิจกรรมที่กระตุ้นการเรียนรู้ตลอดชีวิตในรูปแบบที่ร่วมสมัยและเข้าใจง่าย
พิธีลงนามในครั้งนี้จึงไม่เพียงเป็นการสร้างพันธมิตรทางวิชาการ แต่ยังเป็นก้าวแรกของการเปลี่ยน "ร้านสะดวกซื้อ" ให้เป็น "ร้านสะดวกรู้" ที่ทุกคนในชุมชนสามารถเข้าถึงได้ เปลี่ยนสังคมไทยให้เรียนรู้ได้ง่าย เข้าใจเร็ว และเติบโตไปด้วยกัน