
NCP เดินหน้าขับเคลื่อนธุรกิจตามแนวทาง ESG ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก เปลี่ยนผ่านสู่สังคมคาร์บอนต่ำ เพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน ตอกย้ำผู้นำธุรกิจขายสินค้าทางโทรศัพท์ (Telesales) ของประเทศ
นางเสาวคนธ์ อุดมรัตน์ ประธานเจ้าหน้าที่สายงานการเงิน บริษัท ไนซ์ คอล จำกัด (มหาชน) หรือ NCP เปิดเผยผลการดำเนินธุรกิจของบริษัทที่มุ่งสู่เป้าหมายความยั่งยืน ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกตามแนวนโยบายของประเทศไทยและประชาคมโลก ตามแผนกลยุทธ์การลดก๊าซเรือนกระจกในองค์กร ว่า บริษัทได้รับใบรับรองคาร์บอนฟุตพริ้นท์ขององค์กร (Carbon Footprint for Organization) ประจำปี 2568 จากองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) หรือ TGO แสดงถึงความมุ่งมั่นของบริษัทในการประกอบธุรกิจที่มีเป้าหมายเพื่อมุ่งสู่การเป็นธุรกิจที่ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิให้เป็นศูนย์ (Net Zero) อย่างมีประสิทธิภาพ ในฐานะผู้จัดจำหน่ายสินค้าผ่านทางโทรศัพท์ (Telesales), ธุรกิจการให้บริการเพิ่มยอดขายสินค้าจากการขายครั้งแรก (Upselling Service) และธุรกิจการให้บริการบริหารพนักงานขายโดยเฉพาะเจาะจง (Dedicated Telesale Outsourcing) ชั้นแนวหน้าของประเทศไทย
ทั้งนี้ บริษัทได้ดำเนินกลยุทธ์การลดคาร์บอนแบบองค์รวม ด้วยการสร้างสรรค์และพัฒนาคุณภาพผลิตภัณฑ์ การบริการ และโซลูชั่นที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม รวมถึงการส่งเสริมการใช้ทรัพยากรอย่างรู้คุณค่าและเกิดประสิทธิภาพให้มากที่สุด อาทิ การปรับเปลี่ยนมาใช้รถยนต์ไฮบริด หรือรถยนต์ไฟฟ้าแทนการใช้รถน้ำมัน ลดการใช้กระดาษในสำนักงาน การนำวัสดุเหลือทิ้งกลับมาใช้ใหม่ การคัดแยกขยะที่ถูกต้อง การส่งเสริมความร่วมมือและการมีส่วนร่วมในการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและดูแลสิ่งแวดล้อมกับหน่วยงานภาครัฐและเอกชน
สำหรับอาคารสำนักงานใหญ่ NCP แห่งใหม่ ได้รับการออกแบบอาคารให้ประหยัดพลังงาน และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ด้วยการเลือกใช้หลังคา ผนัง กระจก อุปกรณ์บังแดดภายนอก ระบบไฟฟ้าแสงสว่าง และระบบปรับอากาศที่เหมาะสมเพื่อลดการใช้พลังงานและการปล่อยก๊าซคาร์บอน และการจัดพื้นที่สีเขียว เพื่อส่งเสริมคุณภาพชีวิตและประสิทธิภาพในการทำงานของพนักงาน ตลอดจนการศึกษาข้อมูลการติดตั้งโซลาร์รูฟบนหลังคาเพื่อผลิตพลังงานไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์
"ปี 2568 บริษัทยังคงขับเคลื่อนนโยบายการเติบโตของธุรกิจภายใต้แนวคิด ESG ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก การให้บริการและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์การรักษ์โลก รวมถึงนำเทคโนโลยีสารสนเทศเข้ามาช่วยในกระบวนการทำงานในส่วนต่างๆ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของบุคลากร และช่วยลดต้นทุน ร่วมขับเคลื่อนองค์กรสู่ความยั่งยืนให้สอดรับกับนโยบายของรัฐบาล ในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้เข้าสู่เป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ภายในปี 2050 และบรรลุเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Emissions) ภายในปี 2065 ในการเปลี่ยนผ่านสู่สังคมคาร์บอนต่ำอย่างยั่งยืน" นางเสาวคนธ์ กล่าว