นางเลิศลักษณ์ ลีลาเรืองแสง ผู้อำนวยการสำนักการแพทย์ (สนพ.) กทม. กล่าวถึงสถานการณ์โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ในพื้นที่กรุงเทพฯ ในปี 2568 และความคืบหน้าการดำเนินการป้องกันและแก้ไขปัญหาโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ของ กทม. ว่า กทม. คาดประมาณว่า มีผู้ติดเชื้อเอชไอวีที่มีชีวิตอยู่ในปี 2567 89,768 คน เป็นผู้ติดเชื้อเอชไอวีรายใหม่ 1,095 คน ซึ่งเป็นกลุ่มเยาวชนที่มีอายุน้อยกว่า 25 ปี 478 คน (คิดเป็นร้อยละ 44) มีผู้เสียชีวิตภายในปี 2567 จำนวน 1,744 คน ข้อมูลจากสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) (NAP Program : ณ วันที่ 7 ต.ค. 66) โดย สนพ. ได้ดำเนินมาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหาโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์โดยเฉพาะในกลุ่มเยาวชนและวัยรุ่นในพื้นที่กรุงเทพฯ อย่างต่อเนื่อง ประกอบด้วย การใช้ RRTTPR (Reach-Recruit-Test-Treat-Prevention-Retain) Reach & Recruit : การจัดบริการเชิงรับและเชิงรุกในการให้ข้อมูลความรู้และชักชวนตรวจคัดกรอง HIV และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ พร้อมทั้งเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจในการป้องกันการตั้งครรภ์ไม่พร้อมในวัยรุ่น สถานศึกษา สถานบันเทิง และจุดรวมตัวของกลุ่มเป้าหมาย โดยร่วมกับเครือข่ายภาครัฐและ NGO ขณะเดียวกันได้ใช้ Test &Treat : การตรวจคัดกรอง HIV และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เบิกจ่ายตามสิทธิและไม่เสียค่าใช้จ่ายในกลุ่มวัยรุ่น กลุ่มเสี่ยงสูง และกลุ่มผู้ไร้สิทธิ หากพบผู้ติดเชื้อให้บริการดูแลรักษา หรือส่งต่อตามสิทธิการรักษา และใช้ Prevention : ส่งเสริมการป้องกันโดยการใช้ถุงยางอนามัย สารหล่อลื่น และยาป้องกันก่อน-หลังการติดเชื้อ HIV (PrEP/PEP) รวมทั้งใช้ Retain : การติดตามผู้ติดเชื้อให้เข้ารับการรักษาอย่างต่อเนื่อง และผู้ที่มีความเสี่ยงสูง เพื่อติดตามป้องกันให้ผลเป็นลบอย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้ ได้จัดให้มีระบบบริการสุขภาพกลุ่มวัยรุ่น โดยเฉพาะการเข้าถึงอุปกรณ์ป้องกัน เช่น ถุงยางอนามัย การสร้างความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับเพศสัมพันธ์ที่ปลอดภัยให้กลุ่มวัยรุ่น เพื่อป้องกันการติดเชื้อ HIV โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อื่น ๆ และการตั้งครรภ์ก่อนวัยอันควร โดยจัดหาและกระจายถุงยางอนามัย สารหล่อลื่นให้กลุ่มเป้าหมาย (เยาวชนในระบบการศึกษาและนอกระบบการศึกษา สถานบันเทิง และสถานประกอบการ) วางแผนจัดบริการ และติดตามประเมินผลร่วมกับภาคีเครือข่ายอย่างต่อเนื่องทุกปี โดยสามารถติดต่อขอรับคำปรึกษาความรู้เกี่ยวกับเพศศึกษาและโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อื่น ๆ ได้ที่ BKK Pride Clinic ทั้ง 32 แห่ง ได้แก่ โรงพยาบาลสังกัด กทม. 12 แห่ง และศูนย์บริการสาธารณสุข กทม. 20 แห่ง หรือติดต่อขอรับคำปรึกษาผ่านระบบ Telemedicine แอปพลิเคชัน "หมอ กทม." หรือ โทร. HOTLINE 1646 สายด่วนสุขภาพ สนพ. ให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง รวมทั้งส่งเสริมกิจกรรมรณรงค์ประชาสัมพันธ์เผยแพร่ข้อมูลความรู้ที่ถูกต้องในการป้องกันกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์และเอดส์ การใช้ถุงยางอนามัย และยาป้องกันก่อนและหลังการสัมผัสเชื้อเอชไอวี (PrEP/PEP) สนับสนุนการจดทะเบียนสมรสเท่าเทียม ตลอดจนประชาสัมพันธ์การให้บริการคลินิกสุขภาพเพศหลากหลาย กทม. (BKK Pride Clinic) เพื่อให้เข้าถึงบริการอย่างเท่าเทียม ลดการตีตรา และเลือกปฏิบัติ
นางภาวิณี รุ่งทนต์กิจ ผู้อำนวยการสำนักอนามัย (สนอ.) กทม. กล่าวว่า ตามที่ระบุพบผู้ป่วยเพิ่มในทุกกลุ่มและมีผู้ป่วยที่อายุน้อยลงเพิ่มขึ้น โดยโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ 5 โรคหลัก มีจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องจากข้อมูลในปี 2563 มีจำนวนผู้ติดเชื้อโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ 2,526 ราย อัตราป่วย 47.09 ต่อแสนประชากร ขณะที่ในปี 2567 พบผู้ติดเชื้อ 8,672 ราย อัตราป่วย 160.72 ต่อแสนประชากร เมื่อจำแนกรายโรคพบว่า โรคซิฟิลิสมีผู้ติดเชื้อมากที่สุดเมื่อเทียบกับโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อื่น 4,566 ราย อัตราป่วย 83.15 ต่อแสนประชากร รองลงมาเป็นโรคหนองใน 2,734 ราย อัตราป่วย 37.04 ต่อแสนประชากร และโรคหนองในเทียม 1,852 ราย อัตราป่วย 35.54 ต่อแสนประชากรตามลำดับ และพบว่า ผู้ติดเชื้อโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์มีอายุน้อยลงในกลุ่มเยาวชนอายุ 15-24 ปี พบว่าในปี 2567 พบ 1,204 ราย อัตราป่วย 190.53 ต่อแสนประชากร ซึ่งสูงกว่าผู้ติดเชื้อโรคซิฟิสิสในทุกกลุ่มอายุ ขณะที่โรคหนองในในกลุ่มอายุ 15 - 24 ปี พบ 978 ราย อัตราป่วย 154.76 ต่อแสนประชากรตามลำดับ โดย สนอ. ได้จัดโครงการอบรมเชิงปฏิบัติการ เรื่อง แนวทางการป้องกันโรคเอชไอวี/เอดส์ และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ให้กับครู และแกนนำนักเรียนระดับมัธยมศึกษาสังกัด กทม. 109 แห่ง จำนวน 436 คน เพื่อให้ความรู้ในการเฝ้าระวังป้องกันโรคเอชไอวี/เอดส์ และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ให้กับแกนนำนักเรียน ครู และให้การสนับสนุนการจัดกิจกรรมในโรงเรียนอย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้งสนับสนุนด้านวิชาการ ความรู้ กิจกรรมการเข้าถึงอุปกรณ์ป้องกันอย่างสะดวก เช่น ถุงยางอนามัย ให้กับสถานศึกษานอกสังกัด กทม. มหาวิทยาลัย สถานบันเทิง สถานบริการ จุดร่วมตัวของกลุ่มเยาวชน และสถานประกอบการโรงงานในพื้นที่กรุงเทพฯ อย่างต่อเนื่อง รวมทั้งจัดบริการเชิงรุก เช่น การตรวจคัดกรองเอชไอวีและซิฟิลิส การแนะนำบริการ ให้กับประชาชน สถานบริการ และส่งต่อเข้าสู่การรักษาเมื่อพบการติดเชื้อ เป็นต้น
ขณะเดียวกันได้ประสานความร่วมมือกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) อย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะในช่วงเดือน มิ.ย. ซึ่งเป็นเดือนแห่งการเฉลิมฉลองการสนับสนุนสิทธิเสรีภาพและความเท่าเทียมของกลุ่มผู้มีความหลากหลายทางเพศ (Pride month) ซึ่ง กทม. ได้สนับสนุนกิจกรรมต่าง ๆ อย่างต่อเนื่องทุกปี และให้ความสำคัญกับกิจกรรมของกลุ่มผู้มีความหลากหลายทางเพศและส่งเสริมการมีเพศสัมพันธ์อย่างปลอดภัยโดยใช้ถุงยางอนามัย เป็นต้น โดย กทม. มีสถานพยาบาลที่สามารถให้บริการทั้งสำนักการแพทย์ (สนพ.) และสำนักอนามัย (สนอ.) ในคลินิก BKK Pride Clinic (คลินิกสุขภาพเพศหลากหลาย) ทั้ง 31 แห่งทั่วกรุงเทพฯ เพื่อรองรับการดูแลรักษาผู้ป่วยอย่างใกล้ชิด โดยให้บริการตรวจรักษาโรค HIV วัณโรค โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ (HIV/TB/STIs) ฮอร์โมน สุขภาพจิต การศัลยกรรม และยังมีสถานบริการคลินิก Pre-Exposure Prophylaxis/Post-Exposure Prophylaxis (PrEP/PEP) 29 แห่งที่ให้บริการยาก่อนและหลังการสัมผัสเชื้อ และการให้บริการยาต้านไวรัสเอชไอวีโดยศูนย์บริการสาธารณสุข กทม. 69 แห่ง และสายด่วน Hotline, Line OA ให้คำปรึกษาและแนะนำบริการ การนัดหมายประสานส่งต่อให้กับผู้รับบริการตลอด 24 ชั่วโมง
นอกจากนี้ ยังได้ประสานกับสำนักงานเขต 50 แห่ง องค์กรภาคประชาสังคม สถานศึกษาทั้งในและนอกสังกัด กทม. มหาวิทยาลัย ร้านขายยาคุณภาพ ในพื้นที่กรุงเทพฯ เพื่อสนับสนุนสื่อแผ่นพับ โปสเตอร์ ความรู้ เกี่ยวกับโรคเอดส์และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ รวมถึงการกระจายอุปกรณ์ป้องกันโรค เช่น ถุงยางอนามัย HIV self - test (ชุดตรวจเอชไอวีด้วยตนเอง) ให้กับหน่วยงานดังกล่าวข้างต้นอย่างต่อเนื่อง เพื่อใช้เป็นเครื่องมือสร้างความรู้ความเข้าใจให้กับประชาชน และรณรงค์กิจกรรมเชิงรุกตามวันสำคัญต่าง ๆ ในพื้นที่กรุงเทพฯ ตลอดจนประชาสัมพันธ์ผ่านช่องทางออนไลน์ทาง Website, TikTok, Face book ของหน่วยงานอย่างต่อเนื่อง