นายไวทยา นวเศรษฐกุล ผู้อำนวยการสำนักดิจิทัลกรุงเทพมหานคร กทม. กล่าวกรณีมีข้อสังเกตการดำเนินโครงการจ้างที่ปรึกษาของสำนักดิจิทัล กทม. 2 โครงการ ใช้วิธีการจัดจ้างแบบเฉพาะเจาะจง ซึ่งอาจขัดต่อแนวทางตามระเบียบของกรมบัญชีกลางว่า โครงการจ้างที่ปรึกษาเพื่อให้คำปรึกษาและระบบการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของกรุงเทพมหานครและโครงการจ้างที่ปรึกษาสำหรับจัดทำนโยบายด้านการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ เป็นโครงการที่ กทม. ดำเนินการตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องอย่างถูกต้องและครบถ้วน ซึ่งปัจจุบันทั้ง 2 โครงการอยู่ในขั้นตอนการจัดทำร่างขอบเขตของงาน (TOR) และยังไม่ถึงขั้นตอนการระบุวิธีการจัดจ้าง
สำหรับกรณีจัดจ้างหน่วยงานใด เนื่องจากทั้ง 2 โครงการในขั้นตอนการของบประมาณได้กำหนดค่าใช้จ่ายในรูปแบบการจ้างที่ปรึกษาจากสถาบันการศึกษาของรัฐ โดยมีเหตุผลดังนี้ มีความน่าเชื่อถือสูง มีชื่อเสียงด้านความเป็นกลาง โปร่งใส ตรวจสอบได้ มีบุคลากรที่มีคุณวุฒิทางวิชาการ และมีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน รวมทั้งช่วยประหยัดงบประมาณ เนื่องจากการคำนวณค่าตอบแทนตามหลักเกณฑ์ของศูนย์ข้อมูลที่ปรึกษาสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ กระทรวงการคลัง อัตราค่าตอบแทนของสถาบันการศึกษาของรัฐจะต่ำกว่าบริษัทเอกชน อีกทั้งยังมีความเป็นกลางทางวิชาการ ไม่มีผลประโยชน์ทับซ้อน สามารถวิเคราะห์ปัญหาและเสนอแนวทางอย่างรอบด้าน รวมถึงส่งเสริมการต่อยอดความร่วมมือในระระยะยาว เช่น การถ่ายทอดองค์ความรู้และพัฒนาทักษะของบุคลากร ได้รับการยอมรับจากหน่วยงานต่าง ๆ ทั้งด้านวิชาการ นโยบาย และแนวทางปฏิบัติ เนื่องจากมีรายงานและผลการศึกษารองรับ สามารถรักษาความลับของทางราชการได้อยางเคร่งครัด ป้องกันการรั่วไหลของข้อมูลที่อาจก่อให้เกิดความเสียหายต่อ กทม.
ทั้งนี้ กทม. ให้ความสำคัญต่อการปฏิบัติตามระเบียบ กฎหมาย และแนวทางที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัดในการจัดจ้าง โดยยึดระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. ๒๕๖๐ และกฎกระทรวง เรื่อง กำหนดพัสดุและวิธีการจัดซื้อจัดจ้างพัสดุที่รัฐต้องการส่งเสริม หรือสนับสนุน พ.ศ. ๒๕๖๓ พร้อมหลักเกณฑ์ราคากลางจ้างที่ปรึกษาของศูนย์ข้อมูลที่ปรึกษา สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ กระทรวงการคลัง และแนวทางการจ้างที่ปรึกษา กรมบัญชีกลาง กระทรวงการคลัง