
นางภาวิณี รุ่งทนต์กิจ ผู้อำนวยการสำนักอนามัย (สนอ.) กทม. กล่าวถึงมาตรการเชิงรุกในการเข้มงวดตรวจสอบและบังคับใช้กฎหมายกับผู้ประกอบการร้านอาหารในพื้นที่กรุงเทพฯ ให้ปฏิบัติตามระเบียบและข้อบัญญัติ กทม. เรื่อง สถานที่จำหน่ายอาหารและสถานที่สะสมอาหาร พ.ศ. 2565 ว่า กทม. ได้ดำเนินการตาม "ยุทธการปราบไขมันอุดตันป้องกันน้ำท่วม" อย่างจริงจังทั้ง 50 สำนักงานเขต โดยการลงพื้นที่ตรวจสอบสถานประกอบการ ร้านอาหาร ตลาด เพื่อติดตั้งถังดักไขมัน หรือบ่อดักไขมัน รณรงค์ไม่ปล่อยน้ำทิ้งปนเปื้อนไขมันลงท่อระบายน้ำ และล้างทำความสะอาดท่อระบายน้ำในกรณีพิเศษช่วงบริเวณหน้าตลาดและร้านอาหาร ซึ่งเป็นจุดเสี่ยงของการสะสมไขมันในบ่อพักและท่อระบายน้ำ ทำให้เกิดปัญหาน้ำท่วมขังในพื้นที่ และส่งกลิ่นไม่พึงประสงค์ที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพของประชาชน รวมทั้งขอความร่วมมือทุกร้านอาหารต้องติดตั้ง "ถังดักไขมัน" ตามข้อบัญญัติ กทม. เรื่อง สถานที่จำหน่ายอาหารและสถานที่สะสมอาหาร พ.ศ. 2565 กำหนดให้สถานที่จำหน่ายอาหาร (ร้านอาหาร/เครื่องดื่ม ภัตตาคาร ศูนย์อาหาร) ต้องแยกไขมันไปกำจัดก่อนระบายน้ำทิ้ง ออกสู่ระบบระบายน้ำโดยใช้ถังดักไขมัน หรือบ่อดักไขมัน หรือการบำบัดด้วยวิธีการอื่นที่มีประสิทธิภาพไม่ต่ำกว่าการบำบัดด้วยถังดักไขมัน หรือบ่อดักไขมัน และน้ำทิ้งต้องได้มาตรฐานตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ หากฝ่าฝืนต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 50,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ตามพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การสาธารณสุข พ.ศ. 2535
จากการตรวจสอบสุขลักษณะและการปฏิบัติตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องของสถานประกอบการที่มีการจำหน่ายอาหารจาก 50 สำนักงานเขต ระหว่างเดือน มี.ค. - พ.ค. 68 มีสถานประกอบการเป้าหมาย 15,840 แห่ง ตรวจสอบแล้ว 15,975 แห่ง ผลการตรวจพบว่า สถานประกอบการผ่านเกณฑ์ คือ มีถังดักไขมัน ใช้การได้ดี 15,558 แห่ง และไม่ผ่านเกณฑ์ คือ ไม่มีการติดตั้ง ถัง/บ่อดักไขมัน หรือถัง/บ่อดักใช้การไม่ได้ หรือชำรุด 417 แห่ง ได้ดำเนินการออกแบบตรวจแนะนำของเจ้าพนักงานสาธารณสุข (นส.1) 417 แห่ง และได้ติดตามการปรับปรุงแก้ไขของสถานประกอบการพบว่า ปรับปรุงแก้ไขเรียบร้อยแล้ว 371 แห่ง และไม่ปรับปรุงแก้ไข 46 แห่ง (ไม่มีใบอนุญาต หรือหนังสือรับรองการแจ้ง และไม่ติดตั้งถัง หรือบ่อดักไขมัน) ทั้งนี้ สำนักงานเขตได้อาศัยอำนาจตามมาตรา 45 แห่ง พ.ร.บ.การสาธารณสุข พ.ศ. 2535 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ออกคำสั่งให้ผู้ประกอบการทั้ง 46 ราย หยุดประกอบกิจการฐานประกอบกิจการโดยไม่ได้รับอนุญาต
ขณะเดียวกัน สนอ. ได้ร่วมกับ 50 สำนักงานเขตตรวจสอบสุขลักษณะและการปฏิบัติตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องของสถานประกอบการที่มีการจำหน่ายอาหาร และให้คำแนะนำด้านวิชาการและควบคุม กำกับให้ปฏิบัติเป็นไปตามกฎหมายที่กำหนด หากพบการฝ่าฝืนจะดำเนินการตามอำนาจหน้าที่อย่างเคร่งครัด เพื่อให้ร้านอาหารถูกสุขลักษณะ จำหน่ายอาหารที่สะอาด ปลอดภัยต่อผู้บริโภค รักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม และป้องกันน้ำท่วม ภายใต้โครงการกรุงเทพฯ เมืองอาหารปลอดภัยและยุทธการปราบไขมัน สำหรับการจำหน่ายอาหารริมบาทวิถีได้จัดทำแผนการดำเนินงานพัฒนางานสุขาภิบาลอาหารริมบาทวิถีของกรุงเทพมหานครในพื้นที่ทำการค้าที่ได้รับอนุญาต โดยตรวจประเมินแนะนำ กำกับมาตรฐานแผงลอยจำหน่ายอาหารริมบาทวิถีให้เป็นไปตามเกณฑ์มาตรฐานอาหารปลอดภัยของ กทม. 4 ครั้ง/ปี ซึ่งตรวจประเมินแนะนำฯ ไปแล้ว 35 จุด ในพื้นที่ 14 เขต ผลการตรวจประเมินพบข้อบกพร่องด้านสุขลักษณะของสถานที่ สุขลักษณะการจำหน่ายอาหาร และสุขลักษณะส่วนบุคคล ซึ่ง สนอ. ได้แจ้งผลให้สำนักงานเขตทราบ เพื่อให้คำแนะนำผู้ค้าปรับปรุงแก้ไขข้อบกพร่อง รวมทั้งติดตามกวดขันผู้ค้าแผงลอยจำหน่ายอาหารริมบาทวิถีให้ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์มาตรฐานอาหารปลอดภัยของ กทม. ทั้งนี้ หากประชาชนพบเห็นการทิ้งไขมัน น้ำเสีย ขยะมูลฝอยและสิ่งปฏิกูลบนทางเท้าในท่อระบายน้ำ หรือในแหล่งน้ำสาธารณะต่าง ๆ ในพื้นที่กรุงเทพฯ สามารถแจ้งผ่านแอปพลิเคชัน Traffy Fondue หรือเว็บไซต์ https://webportal.bangkok.go.th/rongtook Fondue หรือ โทร. สายด่วน 1555 ตลอด 24 ชั่วโมง