งานวิจัยเผย กินดี ช่วยให้ไข่ตก ฟื้นฟูภาวะมีบุตรยากจาก PCOS

ข่าวทั่วไป Friday June 20, 2025 13:46 —ThaiPR.net

งานวิจัยเผย กินดี ช่วยให้ไข่ตก ฟื้นฟูภาวะมีบุตรยากจาก PCOS

ในปัจจุบัน ปัญหาภาวะมีบุตรยากพบได้บ่อยในผู้หญิงวัยเจริญพันธุ์ โดยเฉพาะผู้ที่มีภาวะถุงน้ำในรังไข่หลายใบ (Polycystic Ovary Syndrome: PCOS) ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญของการไม่ตกไข่ และสัมพันธ์กับความไม่สมดุลของฮอร์โมน ภาวะดื้อต่ออินซูลิน การมีประจำเดือนมาไม่ปกติ รวมถึงน้ำหนักเกิน อย่างไรก็ตาม งานวิจัยหลายฉบับชี้ให้เห็นว่า "โภชนาการที่ดี" มีบทบาทสำคัญในการฟื้นฟูระบบสืบพันธุ์ และช่วยให้การตกไข่กลับมาเป็นปกติ เพิ่มโอกาสในการตั้งครรภ์ได้อย่างมีนัยสำคัญ

ครูก้อย นัชชา ลอยชูศักดิ์ ครูวิทยาศาสตร์ผู้ก่อตั้งเพจ Babyandmom.co.th แหล่งความรู้ด้านการเตรียมตั้งครรภ์ยืนหนึ่งในใจผู้มีบุตรยาก ได้อธิบายว่า ปัญหามีบุตรยากส่วนใหญ่ในผู้หญิงวัยเจริญพันธุ์มาจากภาวะ ถุงน้ำในรังไข่หลายใบ (Polycystic Ovary Syndrome: PCOS) ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้การตกไข่ผิดปกติ โดยมีรายงานวิจัยโดย Balen AH และคณะ ที่ตีพิมพ์ในวารสาร Human Reproduction Update ปี 2016 รายงานว่า กว่า 80% ของผู้หญิงที่มีภาวะมีบุตรยากจากการไม่ตกไข่ มีสาเหตุหลักมาจาก PCOS ซึ่งจากการศึกษางานวิจัยยังพบว่าปัจจัยด้านโภชนาการมีบทบาทสำคัญในการจัดการกับภาวะ PCOS โดยเฉพาะในแง่ของการปรับสมดุลฮอร์โมน ลดภาวะการอักเสบในร่างกาย และสนับสนุนการทำงานของรังไข่ให้กลับมาสู่ภาวะปกติ

งานวิจัยเผย กินดี ช่วยให้ไข่ตก ฟื้นฟูภาวะมีบุตรยากจาก PCOS

โดยครูก้อยได้แนะนำหลักการเลือกทานอาหารตามงานวิจัยดังนี้

1.เน้นโปรตีนจากพืช

การเลือกแหล่งโปรตีนมีบทบาทสำคัญต่อสุขภาพระบบสืบพันธุ์ของผู้หญิง โดยเฉพาะในกลุ่มที่มีภาวะไข่ไม่ตกหรือวางแผนตั้งครรภ์ งานวิจัยชี้ว่า โปรตีนจากพืช เช่น ถั่วเหลือง ควินัว งาดำ อัลมอนด์ และเมล็ดฟักทอง เป็นทางเลือกที่ส่งผลดีต่อการตกไข่ เมื่อเทียบกับการบริโภคโปรตีนจากสัตว์ในปริมาณมาก โดยเฉพาะเนื้อสัตว์ติดมันโดยสามารถเลือกทานโปรตีนจากเนื้อปลาและไข่แทนเนื้อแดง เนื่องจากมีงานวิจัยเรื่อง Intake of protein-rich foods in relation to outcomes of infertility treatment with assisted reproductive technologies ชี้ว่า การบริโภคโปรตีนจากสัตว์ในปริมาณมากมีความเสี่ยงต่อภาวะไข่ไม่ตกเพิ่มขึ้นถึง 39% และมีอ้างอิงการศึกษางานวิจัยของ Chavarro และคณะ เรื่อง Protein intake and ovulatory infertility ปี 2008 ที่ติดตามกลุ่มผู้หญิงแต่งงานจำนวน 18,555 คน เป็นระยะเวลา 8 ปี โดยในการศึกษายังพบว่า การบริโภคโปรตีนจากพืชแทนโปรตีนจากสัตว์เพียง 5% ของพลังงานทั้งหมดในแต่ละวัน สามารถลดความเสี่ยงของภาวะไข่ไม่ตกได้มากกว่า 50% โดยเฉพาะในผู้หญิงอายุเกิน 32 ปี การเลือกรับประทานโปรตีนจากพืชยังช่วยลดความเสี่ยงได้อย่างมีนัยสำคัญ งานวิจัยนี้ชี้ให้เห็นว่าแหล่งที่มาของโปรตีนมีผลต่อสมดุลฮอร์โมนและการทำงานของระบบสืบพันธุ์อย่างมีนัยสำคัญ

2.ทานคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน

การเลือกรับประทาน คาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน เช่น ข้าวกล้อง ข้าวไรซ์เบอร์รี ควินัว ข้าวโอ๊ต ข้าวบาร์เลย์ ขนมปังโฮลวีต ถั่วและเมล็ดพืช เช่น ถั่วแดง ถั่วดำ ถั่วเขียว ถั่วลูกไก่ อัลมอนด์ งาดำ เมล็ดฟักทอง แฟลกซ์ซีด เมล็ดเจีย เป็นต้น ช่วยลดภาวะดื้อต่ออินซูลิน และส่งเสริมวงจรการตกไข่ อ้างอิงงานวิจัยของ Eslamian และ Hekmatdoost ที่ตีพิมพ์ในวารสาร Journal of Human Nutrition and Dietetics (J Hum Nutr Diet) ปี 2017 รายงานว่า การบริโภคอาหารที่มีคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อนสูง เช่น ธัญพืชไม่ขัดสี ถั่ว และอาหารที่อุดมด้วยใยอาหาร ควบคู่กับการลดคาร์โบไฮเดรตขัดสี การควบคุมระดับน้ำตาล (GI) ให้ต่ำลงสามารถช่วยเพิ่มความไวต่ออินซูลินและบรรเทาอาการ PCOS ได้ ซึ่งสอดคล้องกับงานวิจัยของ Phy JL และคณะ ที่เผยแพร่ในวารสาร Journal of Obesity & Weight Loss Therapy ปี 2015 ชี้ให้เห็นว่า การควบคุมอาหารแบบลดแป้งและนมเป็นเวลา 8 สัปดาห์ ส่งผลให้น้ำหนักลดลง ความไวต่ออินซูลินดีขึ้น และระดับฮอร์โมนเทสโทสเตอโรนลดลงในผู้หญิงที่มีภาวะถุงน้ำในรังไข่หลายใบ (PCOS) อย่างมีนัยสำคัญ

3.งดของหวานเด็ดขาด

การบริโภคน้ำตาลหรือคาร์โบไฮเดรตเชิงเดี่ยวในปริมาณมาก ส่งผลให้ระดับกลูโคสและอินซูลินในเลือดสูง ซึ่งกระตุ้นให้รังไข่ผลิตฮอร์โมนเพศชายมากผิดปกติ และยับยั้งการตกไข่ในผู้หญิงที่มีภาวะ PCOS นอกจากนี้ ยังเสี่ยงต่อภาวะดื้ออินซูลิน โรคอ้วน และการเสื่อมคุณภาพของเซลล์ไข่ก่อนวัยอันควร อ้างอิงงานวิจัยที่ตีพิมพ์ในวารสารNutrition Research Reviews ปี 2018 โดย Luigi Barrea และคณะศึกษาพบว่าการกินหวานหรือคาร์โบไฮเดรตสูง ส่งผลให้ระดับน้ำตาลและอินซูลินในเลือดเพิ่มขึ้นหลังมื้ออาหาร ภาวะนี้นำไปสู่การดื้อต่ออินซูลิน การอักเสบเรื้อรังระดับต่ำ และฮอร์โมนเพศชายสูง ทั้งสามอย่างนี้ทำให้เกิด ภาวะไข่ไม่ตก (anovulation) และโรค PCOS รุนแรงขึ้น

4.ทานกรดไขมันดีเพื่อฮอร์โมนสมดุลและการตกไข่

การเลือกรับประทานไขมันดี (ไขมันไม่อิ่มตัว) เป็นสิ่งสำคัญสำหรับผู้หญิงที่ต้องการปรับสมดุลฮอร์โมนและส่งเสริมการทำงานของระบบสืบพันธุ์ โดยควรหลีกเลี่ยงไขมันทรานส์จากอาหารฟาสต์ฟู้ด เนื้อติดมัน ของทอด และเลือกทานไขมันดีจากแหล่งธรรมชาติ เช่น ปลาแซลมอน, Fish Oil, อะโวคาโด, งาดำ, แฟล็กซีด, อัลมอนด์, เมล็ดฟักทอง, น้ำมันมะกอก และน้ำมันเมล็ดดอกคำฝอย เป็นต้น เพราะร่างกายต้องใช้ไขมันดีในการสร้างฮอร์โมนเพศ หากได้รับไม่เพียงพอ อาจนำไปสู่ภาวะฮอร์โมนไม่สมดุล ไข่ไม่ตก หรือประจำเดือนมาไม่ปกติ

โดยงานวิจัยที่ตีพิมพ์ใน The American Journal of Clinical Nutrition ปี 2016 ศึกษาพบว่า การบริโภคโอเมก้า-3 อย่างสม่ำเสมอ ช่วยให้ระดับฮอร์โมนสมดุล กระตุ้นการตกไข่ที่ปกติ และช่วยเพิ่มคุณภาพของไข่

นอกจากนี้ยังช่วยเพิ่มฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนที่จำเป็นต่อการเตรียมมดลูกสำหรับการตั้งครรภ์ โดยเฉพาะในกลุ่มที่วางแผนทำเด็กหลอดแก้ว การได้รับโอเมก้า 3 และ 6 ล่วงหน้า มีแนวโน้มเพิ่มอัตราความสำเร็จในการตั้งครรภ์ได้ ครูก้อยแนะนำให้เสริม Fish Oil ร่วมกับอาหารเพื่อให้ได้รับไขมันดีในปริมาณที่เหมาะสมต่อวัน

5.ทานผักผลไม้ที่มีสารต้านอนุมูลอิสระสูงเพิ่มขึ้น

การทานผักผลไม้สดในปริมาณที่เพียงพอ เป็นการเพิ่มใยอาหาร วิตามินและแร่ธาตุต่างๆ และสารต้านอนุมูลอิสระที่มีบทบาทสำคัญต่อการทำงานของระบบสืบพันธุ์และสมดุลฮอร์โมนในร่างกายใยอาหารจากผักผลไม้ช่วยในการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด ลดภาวะดื้อต่ออินซูลิน ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการจัดการกับ PCOS ผักที่มีสารต้านอนุมูลอิสระสูง ได้แก่ บร็อคโคลี คะน้า ผักโขม พริกหวาน แครอท กลุ่มผลไม้ที่มีสารต้านอนุมูลอิสระสูง ได้แก่ บลูเบอร์รี่ สตรอเบอร์รี่ ราสเบอร์รี่ องุ่นแดง องุ่นม่วง อะโวคาโด ทับทิม ส้ม ผลไม้รสเปรี้ยว มะนาว มะกรูด คุณสมบัติลดการอักเสบ ซึ่งสัมพันธ์กับการลดระดับฮอร์โมนเพศชายและอาการผิดปกติของรอบเดือนในผู้ป่วย PCOS อีกด้วย ทั้งนี้ให้หลีกเลี่ยงผักและผลไม้กระป๋องหรือผลิตภัณฑ์แปรรูปต่างๆ เพราะมีโซเดียมสูง

6.ทานวิตามินช่วยปรับสมดุลฮอร์โมน

ผู้หญิงที่มีภาวะถุงน้ำในรังไข่หลายใบ (PCOS) ควรเสริม Inositol ร่วมกับ Folic Acid (โฟลิก) เพราะมีส่วนช่วยปรับสมดุลฮอร์โมนและเพิ่มโอกาสตั้งครรภ์ ซึ่ง Inositol เป็นวิตามินในกลุ่ม B ที่ช่วยบำรุงไข่ให้มีคุณภาพดี ช่วยให้ตกไข่สม่ำเสมอ และประจำเดือนกลับมาเป็นปกติ จึงมักแนะนำให้ทานก่อนทำเด็กหลอดแก้ว และในผู้ที่พยายามตั้งครรภ์ด้วยวิธีธรรมชาติ ส่วน Folic Acid ควรเริ่มทานล่วงหน้าอย่างน้อย 3 เดือนก่อนตั้งครรภ์ เพื่อช่วยพัฒนาตัวอ่อนและป้องกันความผิดปกติของระบบประสาททารก

อ้างอิงงานวิจัยจากวารสาร Journal of the Turkish-German Gynecological Association (2018) พบว่า การเสริม Inositol ร่วมกับ Folic Acid มีผลดีต่อผู้หญิงที่มี PCOS โดยช่วยกระตุ้นการตกไข่ ลดระดับฮอร์โมนเพศชาย ปรับรอบเดือนให้ปกติ และลดภาวะดื้อต่ออินซูลิน ซึ่งเป็นประโยชน์ทั้งในการรักษาแบบธรรมชาติและการเตรียมความพร้อมก่อนเข้าสู่กระบวนการรักษาภาวะมีบุตรยาก

"การปรับพฤติกรรมการกินอย่างเหมาะสม เสริมวิตามินที่จำเป็น และใส่ใจในคุณภาพของสารอาหารในแต่ละวัน เป็นแนวทางสำคัญในการเยียวยาภาวะ PCOS ทั้งในแง่ของการฟื้นฟูระบบสืบพันธุ์ และสุขภาพโดยรวมของผู้หญิง" ครูก้อย นัชชา กล่าว.

ติดตามความรู้เตรียมตั้งครรภ์สำหรับผู้มีบุตรยากได้ที่

Facebook: https://www.facebook.com/BabyAndMom.co.th/

TikTok: https://www.tiktok.com/@babyandmom.co.th


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ