กลุ่มชิน คอร์ปอเรชั่น มอบ 21 ล้านบาท ในโครงการทุนการศึกษามูลนิธิไทยคม สานต่อเส้นทางการศึกษา เพื่อเด็กกำพร้ายากจน

ข่าวทั่วไป Friday January 16, 2004 11:16 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--16 ม.ค.--เอไอเอส
มูลนิธิไทยคม และกลุ่มชิน คอร์ปอเรชั่น ร่วมกับบริษัทในกลุ่มคือ เอไอเอส ชินแซทเทลไลท์ และไอทีวี เปิดศักราชปี 2547 ร่วมประกาศเจตนารมณ์ เดินหน้าสนับสนุนการศึกษาของชาติ มอบทุน 21 ล้านบาทใน " โครงการทุนการศึกษาเพื่อเด็กกำพร้า " เพื่อช่วยเหลือเด็กกำพร้ายากจนทั่วประเทศต่อเนื่องเพิ่มเติมจากโครงการเดิมของมูลนิธิไทยคม ที่ดำเนินการตั้งแต่ปี 2537
มูลนิธิไทยคม ให้ความสำคัญกับการพัฒนาการศึกษาของชาติมาตลอด ส่งเสริมความก้าวหน้าทางการศึกษาใน การสนับสนุนกระบวนการเรียนรู้ที่ทันสมัย โดยการนำเทคโนโลยีดาวเทียมสื่อสารไทยคมมาช่วยในการกระจายโอกาสทางการศึกษา สนับสนุนทุนการศึกษา ส่งเสริมและสนับสนุนการปฏิรูปการเรียนการสอนที่ให้ผู้เรียนเป็นศูนย์กลางการเรียนรู้ ปลูกฝังให้ผู้เรียนสามารถเรียนรู้ได้ด้วยตนเองตลอดชีวิต ที่ผ่านมามูลนิธิไทยคมได้สนับสนุนโครงการการศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียม กว่า 121 ล้านบาท ในปี 2537 ถึงปี 2541 สนับสนุนทุนการศึกษาเพื่อช่วยให้นักเรียนที่มีปัญหาด้านการเงินในช่วงวิกฤตเศรษฐกิจปี 2541 ได้สามารถเรียนได้อย่างต่อเนื่อง และปี 2542 มูลนิธิไทยคมได้ริเริ่มนำโครงการการเรียนรู้เพื่อการสร้างสรรค์ด้วยปัญญามาพัฒนารูปแบบการเรียนรู้ในโครงการต่างๆ เช่น โครงการโรงเรียนบ้านสันกำแพง ในระดับ ป.1 ถึง ป.6 จำนวน 9 ห้องเรียน , สนับสนุนโครงการบ้านน้าน้อยเพื่อพัฒนาการศึกษาและการพึ่งตนเองในชุมชนสู่ชุมชนเข้มแข็งและยั่งยืน, สนับสนุนการจัดตั้งโรงเรียนดรุณสิกขาลัย ซึ่งเป็นโครงการนำร่องการเรียนรู้ด้วยตนเองของนักเรียนตั้งแต่ระดับอนุบาลภายในมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี สำหรับปีนี้มูลนิธิฯ ได้รับการสนับสนุนจากกลุ่มชิน คอร์ปอเรชั่น ให้สนับสนุนทุนการศึกษาแก่นักเรียนกำพร้ายากจนเพิ่มเติมขึ้นมา
ผู้มีสิทธิ์รับทุนการศึกษามูลนิธิไทยคมเพื่อเด็กกำพร้านี้ จะต้องเป็นเด็กนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ที่ต้องการศึกษาต่อชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ทั้งสายสามัญ หรือสายอาชีพ (ปวช.) มีผลการเรียนดี เป็นเด็กกำพร้าที่ขาดแคลนทุนทรัพย์ และไม่ได้สังกัดมูลนิธิหรือองค์กรใด โดยการส่งเรียงความเรื่อง "ดาวเทียมไทยคม สร้างประโยชน์ต่อประเทศชาติอย่างไรบ้าง" ความยาวไม่ต่ำกว่า 1 หน้ากระดาษ A4 มาที่มูลนิธิไทยคม โดยมูลนิธิจะแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิจากหน่วยงานต่าง ๆ มาร่วมพิจารณาตัดสิน
ดร.โอฬาร ไชยประวัติ ประธานกรรมการมูลนิธิไทยคม กล่าวว่า "ในประเทศไทย ยังคงมีเด็กและเยาวชนที่ด้อยโอกาสทางการศึกษาอยู่อีกจำนวนมาก ทางมูลนิธิไทยคมและกลุ่มชิน คอร์ปอเรชั่น ได้เห็นชอบร่วมกันที่จะจัดให้มีโครงการมอบทุนการศึกษาขึ้น เพื่อช่วยเหลือเยาวชนไทยโดยมุ่งที่เด็กกำพร้ายากจน ที่ไม่ได้รับการสนับสนุนจากองค์กร หรือหน่วยงานใด ให้ได้ศึกษาต่อเพื่อการสร้างอนาคตและอาชีพของตน จึงเป็นที่มาของโครงการทุนการศึกษาเพื่อเด็กกำพร้า"
ที่ผ่านมากลุ่มชิน คอร์ปอเรชั่น ได้จัดทำโครงการเพื่อสังคมมาตลอดภายใต้แนวคิด "คนไทยแข็งแรง ประเทศไทยแข็งแรง" โดยบริษัทในกลุ่ม อันได้แก่ โครงการค่ายเยาวชนไทย ก้าวไกลกับเทคโนโลยี เป็นกิจกรรมส่งเสริมความรู้ทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีให้เยาวชนโดย SHIN, โครงการสานรัก เป็นกิจกรรมส่งเสริมสถาบันครอบครัวโดย AIS, โครงการส่งเสริมการศึกษาของมูลนิธิไทยคม โดย SHIN SATELLITE
คุณบุญคลี ปลั่งศิริ ประธานกรรมการบริหาร กลุ่มชิน คอร์ปอเรชั่น กล่าวถึงการให้ทุนการศึกษาฯ ในครั้งนี้ว่า "กลุ่มชิน คอร์ปอเรชั่น ให้ความสำคัญและสนับสนุนทางการศึกษามาโดยตลอด ในปีนี้ ชิน คอร์ปอเรชั่น และบริษัทในกลุ่มคือ เอไอเอส ชินแซทเทลไลท์ และไอทีวี จึงได้ร่วมมือกันสานต่อเพื่อสนับสนุนการศึกษของเด็กไทย โดยเฉพาะเด็กและเยาวชนที่ด้อยโอกาส ด้วยการร่วมมือกับมูลนิธิไทยคมในการจัดทุนการศึกษาจำนวน 21 ล้านบาท แก่เด็กกำพร้ายากจนทั่วประเทศ ทุนละ 5,000 บาท"
"กลุ่มบริษัทฯ ตระหนักดีว่า หัวใจของการพัฒนาประเทศ คือ การพัฒนารากฐานด้านการศึกษาของคนในสังคม ด้วยการใช้ศักยภาพของดาวเทียมไทยคมที่ครอบคลุมพื้นที่กว้างไกลซึ่งช่วยขจัดอุปสรรคในเรื่องระยะทางโดยผ่านโครงการการศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียมไทยคม นั้น ทำให้สามารถกระจายโอกาสทางการเรียนการสอนไปยังท้องถิ่นทั่วประเทศได้อย่างทั่วถึง ทั้งนี้ สำหรับโครงการทุนการศึกษามูลนิธิไทยคมเพื่อเด็กกำพร้านี้ กลุ่มบริษัทฯหวังให้เป็นจุดเริ่มต้นแก่ภาคเอกชนต่างๆ ในการให้ความสำคัญด้านการศึกษาของเยาวชน และเข้ามามีส่วนร่วมในการขยายโอกาสทางการศึกษาแก่เด็กไทย เพื่อให้มีคุณภาพ และศักยภาพที่จะสร้างอนาคตให้กับตนเองและสังคมต่อไป" คุณบุญคลี ปลั่งศิริ กล่าว--จบ--
-รก-

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ