กรุงเทพฯ--3 พ.ย.--กรมธนารักษ์
วันนี้ (3 พฤศจิกายน 2554) ณ กรมธนารักษ์ นายนริศ ชัยสูตรอธิบดีกรมธนารักษ์ กล่าวถึงการที่ได้ลงพื้นที่ร่วมกับนายวิรุฬเตชะไพบูลย์รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังในการระดมสมองหารือแนวทางป้องกันแก้ปัญหาอุทกภัยที่อาจจะเกิดขึ้นใน 14 จังหวัดภาคใต้ ว่าจากสถานการณ์น้ำท่วมในหลายจังหวัดภาคกลางและกรุงเทพมหานครถือเป็นกรณีศึกษาเพื่อเรียนรู้การบริหารจัดการเรื่องน้ำและจัดตั้งศูนย์ช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยดังนั้น นายวิรุฬ เตชะไพบูลย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังจึงได้มีนโยบายเร่งด่วนให้กรมธนารักษ์วางแผนป้องกันและแก้ปัญหาเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉินอุทกภัยใน14 จังหวัดภาคใต้ ได้แก่ ชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง ระนองพังงา ภูเก็ต กระบี่ ตรัง สงขลา สตูล ปัตตานี ยะลา และนราธิวาสพบว่าสภาพพื้นที่แต่ละแห่งมีสภาพที่แตกต่างกัน เช่น ที่ลาดชัด เทือกเขาเป็นที่ราบลุ่มบ้าง บ้างก็เป็นพื้นที่ราบต่างระดับกันซึ่งในแต่ละปีปริมาณน้ำฝนมีมาก เมื่อเกิดอุทกภัยจึงเป็นการท่วมแบบฉับพลัน
ปริมาณน้ำไหลสู่ทะเลไม่ทันประกอบกับน้ำทะเลหนุนทำให้น้ำท่วมบ่อยครั้งและรุนแรง แต่จะเป็นการท่วมแบบระยะเวลาสั้นๆประมาณ
5-6 ชั่วโมง
นายนริศ กล่าวต่อว่า จากนโยบายดังกล่าวกรมธนารักษ์จึงได้ประชุมหารือเพื่อวางมาตรการป้องกันอุทกภัยโดยได้มีแนวทางแก้ปัญหาเป็น 2 ระยะ คือ ระยะสั้นสำรวจที่ดินราชพัสดุที่สามารถจะจัดทำเป็นศูนย์พักพิงชั่วคราวซึ่งเป็นการบูรณาการกันระหว่างส่วนราชการต่างๆ เช่นที่จังหวัดสงขลาจัดเตรียมพื้นที่กองบิน 56 จังหวัดตรัง ที่ว่าการอำเภอย่านตาขาวจังหวัดภูเก็ตบริเวณที่องค์การบริหารส่วนตำบลฉลองเพื่อไว้สำหรับคณะกรรมการบริหาร การคลังประจำจังหวัดเพื่อจัดหาถุงยังชีพ เครื่องอุปโภคบริโภค สิ่งของจำเป็น จัดตั้งเป็นศูนย์อำนวยการช่วยเหลือ ผู้ประสบอุทกภัย (Call center) ตลอดถึงการประสานกับกรมพัฒนาฝีมือแรงงานฝึกอาชีพผู้ประสบภัยเพื่อให้สามารถสร้างรายได้หลังออกจากศูนย์พักพิงส่วนระยะยาว เนื่องจากสภาพทางภูมิศาสตร์ของแต่ละจังหวัดแตกต่างกันการแก้ปัญหาจะต้องแยกแยะตามสภาพพื้นที่โดยเบื้องต้นสั่งการให้ธนารักษ์พื้นที่ประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อจัดหาที่ดินราชพัสดุไว้สำหรับเป็นพื้นที่รองรับตามโครงการแก้มลิง
การสร้างเขื่อน ฝายกั้นน้ำ อ่างเก็บน้ำตลอดจนการออกแบบบ้านหรือสิ่งปลูกสร้างให้เหมาะสมกับสภาพพื้นที่โดยสามารถลอยน้ำได้เมื่อเกิดอุทกภัยหรือได้รับ ความเสียหายน้อยที่สุดและการจัด Zoningการใช้ประโยชน์พื้นที่และการใช้การเกษตรโดยปลูกพืชที่ช่วยยึดดิน
สำหรับแผนระยะยาวสิ่งที่เป็นหัวใจสำคัญคือการนำแนวทางตามพระราชดำริโครงการแก้มลิงมาปฏิบัติโดยขณะนี้ได้สั่งการให้มีการสำรวจพื้นที่ราชพัสดุที่สามารถทำแก้มลิงได้โดยให้มีการบูรณาการและประสานงานระหว่างจังหวัดต่างๆรวมถึงศึกษาพื้นที่ที่จำเป็นต้องเวนคืนมาใช้ในโครงการดังกล่าว
นอกจากนี้ยังให้มีการสำรวจพื้นที่สร้างคันกั้นน้ำปรับปรุงแนวถนนเดิมจากนั้นจัดให้มีพื้นที่สีเขียวเพื่อป้องกันกันการขยายตัวของเมืองและแปรสภาพให้เป็นทางระบายน้ำเมื่อมีน้ำหลากดำเนินการขุดลอกคูคลอง สร้างสถานที่เก็บน้ำตามจุดต่างๆโดยพิจารณาจากสภาพพื้นที่ในแต่ละจังหวัดซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการจัดทำเป็นคู่มือเพื่อแจกจ่ายไปยังหน่วยงานต่างๆของกรมธนารักษ์ใช้เป็นแนวทางการปฏิบัติเมื่อเกิดเหตุอุทกภัยและเพื่อเป็นการสื่อสารให้เกิดความเข้าใจในทิศทางเดียวกัน ได้เป็นอย่างดี