
ชไนเดอร์ อิเล็คทริค ผู้นำด้านดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชั่น ในการจัดการพลังงานและระบบอัตโนมัติ ร่วมลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือพันธมิตรเชิงกลยุทธ์กับ บริษัท พร้อม เทคนิคคอล เซอร์วิสเซส จำกัด เพื่อพัฒนาโซลูชั่นเชิงนวัตกรรมขับเคลื่อนการทรานส์ฟอร์มเมชั่นธุรกิจพลังงานและอุตสาหกรรมสำรวจและผลิตปิโตรเลียม (Upstream Oil & Gas) สร้างผลกระทบเชิงบวก ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
นายซิงเจียง ปัง ประธานชไนเดอร์ อิเล็คทริคประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออก กล่าวว่า ชไนเดอร์ อิเล็คทริค มีความมุ่งมั่นในการผลักดันพันธมิตรเพื่อเป้าหมายสำคัญในการสร้างผลกระทบเชิงบวกและความยั่งยืนให้กับระบบนิเวศ ความร่วมมือกับบริษัท พร้อม เทคนิคคอล เซอร์วิสเซส จำกัด จะเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานที่สำคัญของไทย จากความร่วมมือด้านข้อมูลที่ใช้พัฒนานวัตกรรมโซลูชั่นจากหลายภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง เพื่อสร้างนวัตกรรมดิจิทัลตอบสนองต่อความเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีให้กับกลุ่มธุรกิจพลังงาน ได้แก่ กระทรวงพลังงาน, คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.), บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม (PTTEP) และการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (EGAT)
นายมงคล ตั้งศิริวิช ประธานกลุ่มคลัสเตอร์ ดูแลประเทศไทย ลาว และเมียนมา ชไนเดอร์ อิเล็คทริค กล่าวเสริมว่า ธุรกิจพลังงานและอุตสาหกรรมสำรวจและผลิตปิโตรเลียมคือกลไกที่เกี่ยวข้องกับหลายภาคส่วนสำคัญในประเทศไทย ซึ่งความร่วมมือครั้งนี้กับบริษัท พร้อม เทคนิคคอล เซอร์วิสเซส จำกัด ได้มุ่งเน้นไปที่การร่วมกันพัฒนาโซลูชั่นเชิงนวัตกรรมเพื่อเป้าหมายเปลี่ยนผ่านกระบวนการทำงานด้วยเทคโนโลยีดิจิทัลสู่ผลลัพธ์ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก โดยมีขอบเขตความร่วมมือสำคัญในด้านต่างๆ ดังนี้
1.การจัดการข้อมูลแบบใกล้เคียงเวลาจริง (Near Real-Time) 2. วิทยาศาสตร์ข้อมูล (Data Science) และการวิเคราะห์ข้อมูล (Data Analytics) 3.การดำเนินธุรกิจอัจฉริยะและการตัดสินใจเชิงกลยุทธ์ 4.บริการคลาวด์ยุคใหม่ (Next-generation Cloud Services) 5.ความปลอดภัยทางไซเบอร์ (Cybersecurity) 6.การสื่อสาร 5G และ 7.ศูนย์ข้อมูลที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม (Green Data Centers) เพื่อสนับสนุนการลดคาร์บอนในภาคอุตสาหกรรม
นายพงัน เชาวนการกิจ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท พร้อม เทคนิคคอล เซอร์วิสเซส จำกัด กล่าวว่า ความร่วมมือกับชไนเดอร์ อิเล็คทริค ในครั้งนี้จะช่วยให้ผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย (stakeholder) ในธุรกิจพลังงานและอุตสาหกรรมสำรวจและผลิตปิโตรเลียม ได้นำความรู้และนวัตกรรมโซลูชั่นที่เกิดจากความร่วมมือ ใช้ประโยชน์ในการเปลี่ยนผ่านธุรกิจด้วยเทคโนโลยีดิจิทัลมากยิ่งขึ้น ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในกระบวนการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
สำหรับโซลูชั่นและผลิตภัณฑ์ที่จะพัฒนาร่วมกัน 4 ด้านสำคัญ ได้แก่
1.การวิเคราะห์ข้อมูลและความเป็นเลิศในการดำเนินงาน ด้วยการพัฒนาแอปพลิเคชั่นการวิเคราะห์ข้อมูลและยกระดับความเป็นเลิศในการดำเนินงาน โดยการผสมผสานโมเดล AI และ ML รวมถึงโซลูชั่นอัจฉริยะเข้ากับความสามารถของคอมพิวเตอร์สมรรถนะสูง (HPC)
2.การพยากรณ์และวิเคราะห์พลังงานหมุนเวียน ด้วยการพัฒนาแอปพลิเคชั่นและโซลูชั่นที่มีประสิทธิภาพสำหรับแบบจำลองและแพลตฟอร์มการพยากรณ์พลังงานหมุนเวียน (Renewable Energy) เพื่อเพิ่มความแม่นยำในการวางแผน, การเชื่อมต่อกับระบบโครงข่ายไฟฟ้า (Grid Integration) และประสิทธิภาพการดำเนินงาน
3.แอปพลิเคชั่นจัดการข้อมูลพลังงานแบบใกล้เคียงเวลาจริง โดยจะพัฒนาระบบและเทคโนโลยีล้ำสมัยสำหรับการรวบรวม, ประมวลผล และวิเคราะห์ข้อมูลพลังงานแบบ Near Real-Time รวมถึงโซลูชั่นในรูปแบบบริการซอฟต์แวร์ (SaaS) ที่ยืดหยุ่นโดยใช้ประโยชน์จากบริการคลาวด์ยุคใหม่
และ 4.ศูนย์ปฏิบัติการแบบบูรณาการ (IOC) ซึ่งจะพัฒนาโซลูชั่นศูนย์ปฏิบัติการแบบบูรณาการ (Integrated Operation Center) เพื่อใช้เป็นศูนย์กลางในการสร้างความเป็นเลิศในการดำเนินงาน, มีหน้าจอควบคุมและติดตามแบบครบวงจรที่สามารถรวบรวมข้อมูลจากหลายแหล่งทั้ง IT และOT ได้อย่างราบรื่น โดยสร้างขึ้นบนสถาปัตยกรรมระบบที่มีความพร้อมใช้งานสูง (High-Availability)
นายชัยวิชิต สารกุล ผู้จัดการฝ่ายพัฒนาธุรกิจดิจิทัล บริษัท พร้อม เทคนนิคคอล เซอร์วิสเซส จำกัด กล่าวว่า ความร่วมมือในการพัฒนาโซลูชั่นร่วมกันจะช่วยผลักดันศักยภาพการให้บริการดิจิทัลแพลตฟอร์มในรูปแบบครบวงจร และสามารถนำเสนอบริการด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในกระบวนการดำเนินธุรกิจให้กับกลุ่มลูกค้าในอุตสาหกรรมปิโตรเลียมและธุรกิจพลังงาน และเป็นส่วนหนึ่งในการร่วมผลักดันประเทศไทยให้ก้าวสู่การเป็นผู้นำด้านพลังงานอย่างยั่งยืน
ชไนเดอร์อิเล็คทริค มุ่งมั่นขับเคลื่อนองค์กรต่างๆ ในระบบนิเวศ เพื่อร่วมกันสร้างผลกระทบเชิงบวกโดยเชื่อมโยงความก้าวหน้าและความยั่งยืนเพื่อประโยชน์ของทุกคน ด้วยการเป็นพันธมิตรที่เชื่อมั่นได้ ทั้งในด้านการสร้างความยั่งยืนและสร้างประสิทธิภาพ