
GCNT เปิดงาน GCNT Expo 2025 อย่างเป็นทางการ หวังสร้างแรงกระเพื่อมครั้งใหญ่ที่สุด เร่งเดินหน้า SDGs 2030 ด้วยพลังภาคธุรกิจ คนรุ่นใหม่ และความร่วมมือข้ามภาคส่วน รวม "ตัวจริงสายยั่งยืน" ระดับแนวหน้า ร่วมขับเคลื่อนแนวคิด Forward SDGs Faster ผ่านกรอบ 7 Ts ในเวทีเสวนา กิจกรรมสร้างแรงบันดาลใจ Workshop ครบทั้งมิติสังคม เศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อม
นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวในพิธีเปิดงานว่า GCNT Expo 2025 สะท้อนถึงพลังของภาคเอกชนไทย ในฐานะผู้นำการขับเคลื่อนภารกิจด้านความยั่งยืน พร้อมทำหน้าที่เป็นฟันเฟืองสำคัญในการผลักดันประเทศไทยสู่การบรรลุ SDGs อย่างเป็นรูปธรรม ผ่านความร่วมมือระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาสังคม พร้อมระบุว่ารัฐบาลตระหนักถึงความสำคัญของการพัฒนาอย่างยั่งยืน และมีภารกิจจำนวนมากในการส่งเสริมให้เกิดการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน ไม่ว่าจะเป็นการแก้ไขนโยบายและกฎหมายให้มีความสอดคล้อง การควบคุมปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอน โดยจะมีนโยบายกำหนดปริมาณการปล่อยสำหรับภาคอุตสาหกรรม และสิ่งสำคัญที่สุด คือการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์
ทั้งนี้ รองนายกรัฐมนตรีได้เน้นย้ำว่า GCNT ทำหน้าที่เสมือนตัวแทนประเทศไทย ในการประกาศจุดยืน ความมุ่งมั่น และความรับผิดชอบต่อประชาคมโลกในการเร่งขับเคลื่อนเป้าหมาย SDGs พร้อมรวมพลังภาคเอกชนไทยให้เข้มแข็ง เพื่อร่วมเปลี่ยนผ่านประเทศไทยและโลกไปสู่อนาคตที่สมดุลและยั่งยืนอย่างแท้จริง
"การพัฒนาเศรษฐกิจและการค้าระหว่างประเทศจะไม่อาจเกิดขึ้นได้อย่างแท้จริง หากเราไม่สามารถบรรลุเป้าหมาย SDG ข้อที่ 16 ว่าด้วยการสร้างสันติภาพ ความยุติธรรม และสถาบันที่เข้มแข็ง" นายพิชัยกล่าว
ด้านนายศุภชัย เจียรวนนท์ นายกสมาคมเครือข่ายโกลบอลคอมแพ็กแห่งประเทศไทย และประธานคณะผู้บริหาร บริษัท เครือเจริญโภคภัณฑ์ จำกัด กล่าวรายงานว่า เราเหลือเวลาอีกเพียง 5 ปี ในการบรรลุเป้าหมาย SDGs 2030 ขณะนี้ทั้งโลกบรรลุได้เพียงร้อยละ 18 ของเป้าหมายทั้งหมด ในขณะเดียวกัน ก็กำลังเข้าใกล้จุดวิกฤต และกำลังเผชิญความท้าทาย ทั้งการเปลี่ยนผ่านสู่โลกดิจิทัล ความต้องการพลังงานที่เพิ่มขึ้น และบทบาทของเทคโนโลยีที่เข้ามาแทนที่แรงงาน และได้เสนอ 7 Transformations เปลี่ยนผ่านประเทศไทยเพื่อตอกย้ำปัจจัยหลักที่จะขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมต่อไป ได้แก่
Tableอุตสาหกรรมอาหารและเกษตรกรรมแห่งอนาคต สร้างความมั่นคงทางอาหารให้ประชากรโลก2. Tourism การขับเคลื่อนเศรษฐกิจท้องถิ่นด้วยการท่องเที่ยวที่ยั่งยืน3. Tech เทคโนโลยีเพื่อความยั่งยืน ใช้นวัตกรรมเพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม4. Trade การค้า การบริการ การขนส่ง การเงิน ส่งเสริมระบบเศรษฐกิจที่เปิดกว้าง เป็นธรรมและทั่วถึง5. Talent การลงทุนในทุนมนุษย์ทุกกลุ่ม โดยเฉพาะเยาวชน ให้มีทักษะดิจิทัล และมีจิตสำนึกด้านความยั่งยืน6. Transition การเปลี่ยนผ่านเศรษฐกิจอย่างเป็นธรรม สู่เศรษฐกิจสีเขียว ที่พึ่งพาพลังงานสะอาด คาร์บอนต่ำ7. Trust การสร้างความเชื่อมั่นและธรรมาภิบาล-เสริมสร้างความไว้วางใจในระบบเศรษฐกิจและสังคม
นายศุภชัย ยังได้เน้นย้ำประเด็นที่สำคัญเกี่ยวกับ 7Ts โดยเฉพาะ Trust การสร้างความไว้ใจ (Trust) และธรรมาภิบาลในภาคเอกชน ที่ตลาดหลักทรัพย์ฯ และ ก.ล.ต. มีบทบาทสำคัญในการส่งเสริมให้บริษัทจดทะเบียนเปิดเผยข้อมูลด้าน SDGs อย่างเป็นระบบ ผ่านการจัดทำรายงานด้านความยั่งยืน ซึ่งเป็นสัญญาณเชิงบวกที่จะช่วยกระตุ้นให้ภาคเอกชนร่วมกับขับเคลื่อนมากขึ้น นอกจากนี้ ยังเสนอให้มีการส่งเสริม Digital ID เพื่อเปลี่ยนผ่านสู่สังคมแบบไร้เงินสด (Cashless Society) และการใช้เทคโนโลยี เพื่อลดความเหลื่อมล้ำ
แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ Talent หรือ การลงทุนในคน โดยเฉพาะเยาวชนและกลุ่มเปราะบาง เพราะการพัฒนาคนต้องใช้เวลา แต่เป็นการลงทุนที่คุ้มค่า ให้ผลตอบแทนสูงที่สุด โดยเสนอให้ส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดชีวิต เช่น การจัดตั้ง Learning Center ที่นำ SDGs มาผนวกเข้ากับการเรียนรู้ผ่านแนวคิด SDGs Glow ทั้ง 17 ข้อ เพื่อปลูกพลัง Soft Power ให้คนรุ่นใหม่และสังคมไทย
ในช่วงท้าย คุณศุภชัย ได้กล่าวแสดงความเสียใจต่อความสูญเสีย ของครอบครัวทหารและประชาชนในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ และชื่นชมกระทรวงการคลังที่เร่งช่วยเหลือประชาชนในช่วงวิกฤต และเน้นย้ำว่า เป้าหมายความยั่งยืน SDGs ข้อ 16 ด้านสันติภาพ ความยุติธรรมและสถาบันที่เข้มแข็ง จะมีบทบาทสำคัญยิ่งขึ้นในโลกปัจจุบัน
"เรายังคงเชื่อมั่นในศักยภาพของคนไทย พลิกทุกวิกฤตให้เป็นโอกาส ขจัดความเหลื่อมล้ำ ฟื้นฟูความเชื่อมั่น เปลี่ยนผ่านไปสู่โลกที่ยั่งยืน เพื่อส่งต่อโลกที่ดีกว่าให้กับลูกหลานของเรา"นายศุภชัย กล่าว
ในขณะที่ แซนด้า โอเจียมโบ ผู้อำนวยการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร UN Global Compact (UNGC) กล่าวถึงบทบาทของ UNGC ที่มีพันธกิจในการสร้างตลาดโลกที่มีจริยธรรม ครอบคลุม และยืดหยุ่น โดยปัจจุบันมีองค์กรธุรกิจเข้าร่วมแล้วกว่า 20,000 แห่งจาก 160 ประเทศทั่วโลก รวมถึงภาคธุรกิจไทยกว่า 130 องค์กรสมาชิก GCNT ที่ร่วมขับเคลื่อนแนวปฏิบัติด้าน สิทธิมนุษยชน แรงงาน สิ่งแวดล้อม และการต่อต้านการทุจริต อย่างต่อเนื่อง แต่โลกในวันนี้ยังคงเผชิญกับความท้าทายรอบด้าน ซึ่งเป็นอุปสรรคสำคัญต่อการบรรลุ SDGs 2030 อย่างไรก็ตาม UNGC ยังคงยืนยันพันธกิจในการทำงานร่วมกับภาคธุรกิจทั่วโลก เพื่อร่วมกันสร้างอนาคตที่ยั่งยืน และครอบคลุมสำหรับทุกคน
"เมื่อธุรกิจรวมพลังกันอย่างเป็นระบบ และสร้างความร่วมมือข้ามภาคส่วน ก็สามารถสร้างการเปลี่ยนแปลงเชิงบวกที่จับต้องได้ในระดับโลก" นางแซนด้า กล่าว
ต่อด้วยการกล่าวปาฐกถาพิเศษ โดยนางสาวจิราพร สินธุไพร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี โดยชี้ให้เห็นว่า Soft Power และแนวทาง ESG คือกุญแจสำคัญในการขับเคลื่อนประเทศไทยสู่ SDGs โดยรัฐบาลให้ความสำคัญกับการสร้างระบบสนับสนุน Soft Power อย่างครบวงจร ทั้งต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ ตั้งแต่การลงทุนในคนไทยผ่านโครงการ One Family One Soft Power (OFOS) การส่งเสริมอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ ไปจนถึงการพาผลงานของคนไทยสู่ตลาดโลก โดยชี้ว่า Soft Power ของไทยมีศักยภาพสูง ทั้งในด้านอาหาร ดนตรี การออกแบบ การแพทย์แผนไทย และการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม โดยสามารถนำมาใช้เชื่อมโยงกับเป้าหมาย SDGs อย่างเป็นรูปธรรม ท้ายสุด ได้เน้นย้ำว่า ความร่วมมือจากทุกภาคส่วน โดยเฉพาะภาคธุรกิจไทยที่ยึดมั่นในหลักการของ UN Global Compact จะเป็นพลังสำคัญในการสร้างระบบเศรษฐกิจและสังคมที่ยั่งยืน และมีคุณภาพ
"Soft Power คือพลังสร้างสรรค์ที่จะพาไทยก้าวข้ามความท้าทาย และบรรลุเป้าหมาย SDGs ได้อย่างมีเอกลักษณ์ของตัวเอง" นางสาวจิราพร กล่าว
อีกหนึ่งไฮไลต์สำคัญของงาน คือพิธีลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) ระหว่าง มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และ GCNT ในการจัดตั้งหลักสูตรวิทยาศาสตร์บัณฑิต สาขาวิชาการจัดการเพื่อความยั่งยืน ซึ่งสะท้อนความมุ่งมั่นร่วมกันในการขับเคลื่อนการศึกษา การวิจัย และการเรียนรู้ด้านความยั่งยืนอย่างเป็นรูปธรรม
GCNT Expo 2025 จัดขึ้นต่อเนื่อง 3 วัน ตั้งแต่วันนี้จนถึงวันที่ 31 กรกฎาคมนี้ ที่ทรู ดิจิทัล พาร์ค ผู้สนใจสามารถติดตามรายละเอียดและลงทะเบียน เข้างานล่วงหน้าได้ที่ https://expo.globalcompact-th.com โดยไม่มีค่าใช้จ่าย