เครือเจริญโภคภัณฑ์ และบริษัทในเครือ ย้ำเจตนารมณ์ "ขับเคลื่อน 28 นโยบายความยั่งยืนด้วยการลงมือทำจริง" เน้นสร้างการเปลี่ยนแปลงทั้งภายในและภายนอกองค์กร ในงาน "ESG Policy in Action" บนเวที GCNT Expo 2025

ข่าวทั่วไป Friday August 1, 2025 14:23 —ThaiPR.net

เครือเจริญโภคภัณฑ์ และบริษัทในเครือ ย้ำเจตนารมณ์

เครือเจริญโภคภัณฑ์ (ซีพี) เปิดเวที "ESG Policy in Action - ขับเคลื่อนไปด้วยกันสู่อนาคตที่ยั่งยืน" ภายในงาน GCNT Expo 2025 พร้อมประกาศเจตนารมณ์อย่างหนักแน่นว่า "ความยั่งยืน" จะไม่อาจเกิดขึ้นได้ หากปราศจาก "การลงมือทำจริง" ในทุกมิติขององค์กร โดยเฉพาะการผลักดัน 28 นโยบายความยั่งยืน ที่ครอบคลุมทั้งด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล ให้แปรเปลี่ยนจากหลักการสู่การปฏิบัติที่จับต้องได้ โดยเชื่อมั่นว่า การจะเป็นองค์กรที่ยั่งยืนได้อย่างแท้จริง ไม่ใช่เพียงการมีนโยบายที่ดี แต่ต้องหลอมรวมแนวทางเหล่านั้นเข้าไว้ในการทำงานของพนักงานและผู้บริหารในทุกระดับ ตั้งแต่การกำหนดกลยุทธ์ไปจนถึงการดำเนินงานในระดับปฏิบัติการ ภายใต้หลักความโปร่งใส ความเป็นธรรม และความรับผิดชอบต่อผู้มีส่วนได้เสียในทุกภาคส่วน

ดร.ธีระพล ถนอมศักดิ์ยุทธ ประธานคณะผู้บริหารด้านความยั่งยืนองค์กรและการพัฒนากลยุทธ์ เครือเจริญโภคภัณฑ์ กล่าวเปิดมุมมองบนเวที "ESG Policy in Action - ขับเคลื่อนไปด้วยกันสู่อนาคตที่ยั่งยืน ว่า "เครือฯ ดำเนินธุรกิจภายใต้หลักธรรมาภิบาลที่เข้มแข็งและเป็นหนึ่งเดียวกันทั้งองค์กร โดยยึดถือความโปร่งใส ตรวจสอบได้ รับผิดชอบต่อทุกมิติ พร้อมยืนหยัดในหลักความเป็นธรรมและความเสมอภาคต่อผู้มีส่วนได้เสียทุกกลุ่ม รวมถึงการส่งเสริมให้คู่ค้าเติบโตไปด้วยกัน พร้อมขับเคลื่อนวัฒนธรรมองค์กรที่ยึดมั่นในคุณธรรม ความซื่อสัตย์ และจริยธรรม ตั้งแต่ระดับปฏิบัติการจนถึงผู้บริหารระดับสูง มีระบบตรวจสอบการทุจริต และประเมินผลการดำเนินงานด้านความยั่งยืนอย่างเป็นระบบ โปร่งใส ทั้งจากภายในและองค์กรภายนอก ดังนั้น การตอกย้ำรายละเอียดของนโยบายด้าน ESG ทั้ง 28 นโยบาย จึงไม่ใช่เพียงแนวทาง แต่เป็นการแปลงเจตนารมณ์สู่การปฏิบัติจริง ที่เราคาดหวังให้พนักงานในทุกกลุ่มธุรกิจนำนโยบายเหล่านี้ไปปฏิบัติอย่างจริงจัง"

ยุทธศาสตร์ด้านความยั่งยืนของเครือฯ ดำเนินภายใต้วิสัยทัศน์ "การเป็นองค์กรที่เป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมในการสร้างอาหารคน อาหารสมอง โอกาสในการเข้าถึงคุณค่า เพื่อสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีสำหรับทุกคน โดยขับเคลื่อนยุทธศาสตร์นี้ผ่าน 4 แกนหลัก ได้แก่

  • การปฏิบัติตามกฎหมายและมาตรฐานในทุกประเทศที่เข้าไปดำเนินธุรกิจ
  • การนำหลักการสากล อาทิ 10 หลักการของ UNGC และ 17 เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของสหประชาชาติ (SDGs) มาผสานอย่างเป็นรูปธรรมในทุกมิติของ ESG
  • การนำระบบ CP Excellent Management Approach มาใช้บริหารองค์กร โดยยึด 3 แกนหลักคือ Heart มุ่งมั่นทำธุรกิจด้วยใจที่ยั่งยืน, Health มุ่งมั่นสร้างสังคมที่ยั่งยืน และ Home มุ่งมั่นเพื่อสิ่งแวดล้อมที่ยั่งยืน
  • การยึดหลักเศรษฐกิจพอเพียง เป็นพื้นฐานในการดำเนินธุรกิจ

"ธุรกิจที่ยั่งยืนต้องเริ่มจากภายใน มีนโยบายที่ดี นำไปปฏิบัติจริง และเกิดการเรียนรู้ร่วมกัน โดยมี Code of Conduct เป็นเสาหลักทั้งในด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล ซึ่งจะนำไปสู่ระบบการบริหารกิจการที่มีธรรมาภิบาล ช่วยลดช่องว่าง และสร้างความร่วมมือกับผู้มีส่วนได้เสียอย่างเป็นรูปธรรม" ดร.ธีระพล กล่าวเสริม

ในขณะที่ นโยบายและแนวปฏิบัติด้านสิ่งแวดล้อม นายสมเจตนา ภาสกานนท์ รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส สำนักบริหารความยั่งยืน ธรรมาภิบาลและสื่อสารองค์กร เครือเจริญโภคภัณฑ์ ได้เผยว่า "เครือฯ วางกรอบกลยุทธ์ด้านสิ่งแวดล้อมที่ชัดเจน ครอบคลุมตั้งแต่การจัดการความเสี่ยง การลดผลกระทบ การปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ ไปจนถึงการสร้างความร่วมมือกับผู้มีส่วนได้เสียทั้งในและนอกองค์กร"

"หลังจากการประกาศยุทธศาสตร์ด้านความยั่งยืนในปี 2021 บริษัทฯ ได้นำ Best Practice จากทั่วโลกมาใช้ในระยะแรก แต่ในปี 2025 นี้ เรากำลังเข้าสู่ระยะที่สอง โดยมุ่งสู่การเป็นผู้นำด้านความยั่งยืน ผ่านการขับเคลื่อน 12 นโยบายด้านสิ่งแวดล้อม โดยทุกนโยบายต้องมีเป้าหมายที่ชัดเจน วัดผลได้ มีการติดตามผล และเปิดเผยข้อมูลสู่สาธารณะ รวมถึงสร้างพันธมิตรความร่วมมือเพื่อยกระดับประสิทธิภาพการดำเนินงาน และสื่อสารผลการทำงานทุกมิติผ่านรายงานความยั่งยืนอย่างต่อเนื่อง"

สำหรับมิติสังคม บริษัทฯ ให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่งต่อด้านสิทธิมนุษยชนและการปฏิบัติด้านแรงงาน โดยเฉพาะในประเด็นแรงงานข้ามชาติ และการดูแลพนักงานอย่างเท่าเทียม ดร.เนติธร ประดิษฐ์สาร ผู้ช่วยบริหารประธานคณะผู้บริหาร และรองกรรมการอาวุโส สำนักความร่วมมือระหว่างประเทศและสื่อสารองค์กร เครือเจริญโภคภัณฑ์ กล่าวว่า "สิทธิมนุษยชนไม่ใช่เรื่องไกลตัว การเติบโตอย่างยั่งยืนต้องตั้งอยู่บนความเป็นธรรมและการเคารพศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ เครือฯ มุ่งมั่นสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่ยอมรับความแตกต่าง เคารพความเท่าเทียม ไม่ยอมรับความรุนแรงหรือการเลือกปฏิบัติในทุกรูปแบบ และนโยบายด้านสังคมของเครือฯ ยังเน้นถึงความรับผิดชอบในห่วงโซ่อุปทาน โดยเฉพาะในประเด็นการจัดจ้างแรงงานข้ามชาติอย่างถูกกฎหมาย พร้อมระบบดูแลสวัสดิภาพที่ครอบคลุมทั้งความปลอดภัย และคุณภาพชีวิตที่ดีอย่างเท่าเทียม

ขณะที่ นายวรวิทย์ วรุตบางกูร หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านกำกับการปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ เครือเจริญโภคภัณฑ์ กล่าวแสดงวิสัยทัศน์ เน้นย้ำถึงความสำคัญของการมีนโยบายด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงานอย่างจริงจัง ภายใต้กรอบ "ESG Policy in Action: ขับเคลื่อนไปด้วยกันสู่อนาคตที่ยั่งยืน และเป็นหน้าที่ของทุกคน

โดย นายวรวิทย์เปิดเผยว่า "เครือฯ ได้ตั้งเป้าหมาย Zero Accidents ซึ่งครอบคลุม 2 มิติหลัก ได้แก่ การลดการเสียชีวิตจากการทำงานให้เป็นศูนย์ในทุกๆ ปี และลดอุบัติเหตุที่ทำให้ต้องหยุดงานให้เป็นศูนย์ภายในปี 2573 (2030) องค์กรเราต้องยกระดับวัฒนธรรมความปลอดภัยจากเรื่องของกฎระเบียบ ให้เป็นเรื่องของความเชื่อและความร่วมมือทุกระดับ ตั้งแต่ผู้บริหาร คณะกรรมการบริษัท พนักงาน ไปจนถึงพันธมิตรทางธุรกิจ เราจะต้องมีระบบที่ไม่เพียงแค่ปฏิบัติตามกฎหมายเท่านั้น แต่ต้องฝังอยู่ในดีเอ็นเอของเรา" นายวรวิทย์กล่าว

การขับเคลื่อนนโยบายดังกล่าว ประกอบด้วย 9 กลไกสำคัญ อาทิ การวางแผนงานด้านความปลอดภัยอย่างเป็นระบบ การบริหารทรัพยากรให้สอดคล้องกับเป้าหมาย การฝึกอบรมและสร้างความตระหนักรู้แก่พนักงานทุกระดับ รวมถึงการตรวจสอบ ปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง และการจัดการเหตุฉุกเฉินและวิกฤตการณ์โดยมีแผนความต่อเนื่องทางธุรกิจรองรับ (Business Continuity Plan)

ทั้งนี้ เครือเจริญโภคภัณฑ์ยังได้กำหนดให้มีการเปิดเผยผลการดำเนินงานด้านความปลอดภัยในรายงานความยั่งยืนประจำปีอย่างโปร่งใส เพื่อให้ทุกภาคส่วนสามารถติดตาม ตรวจสอบ และร่วมกันผลักดันสู่เป้าหมายร่วมกัน

ด้าน นางรงค์รุจา สายเชื้อ รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส สำนักบริหารความยั่งยืน ธรรมาภิบาล และสื่อสารองค์กร เครือเจริญโภคภัณฑ์ กล่าวในเวทีนำเสนอนโยบายด้านธรรมาภิบาล ว่า "ในขณะที่องค์กรทั่วโลกให้ความสำคัญกับผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และสังคม แต่อีกหนึ่งเสาหลักที่ขาดไม่ได้ คือ "ธรรมาภิบาล" (Governance) ซึ่งถือเป็น "รากแก้ว" ที่ทำให้องค์กรเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืน ตามวิสัยทัศน์ของนายศุภชัย เจียรวนนท์ ประธานคณะผู้บริหาร เครือเจริญโภคภัณฑ์ ที่ตอกย้ำถึงความสำคัญของธรรมาภิบาลว่า หากเปรียบองค์กรเป็นต้นไม้ ธรรมาภิบาลก็คือรากที่หยั่งลึกลงไปเพื่อหล่อเลี้ยงให้ต้นไม้สามารถเติบโต แตกกิ่งก้าน และให้ร่มเงากับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกภาคส่วน

ภายใต้แนวคิดนี้ เครือเจริญโภคภัณฑ์ได้พัฒนานโยบายด้านธรรมาภิบาลขึ้นมาอย่างเป็นระบบ โดยจัดกลุ่มนโยบายหลักไว้ 14 ฉบับ แบ่งออกเป็น 4 หมวด ได้แก่ กลุ่มด้านจริยธรรมและความโปร่งใส กลุ่มการกำกับดูแลและความยั่งยืน กลุ่มข้อมูลและความมั่นคงปลอดภัย และกลุ่มการบริหารความเสี่ยง ที่สำคัญคือ "จรรยาบรรณธุรกิจ และจรรยาบรรณาธุรกิจสำหรับคู่ค้า" ซึ่งเป็นนโยบายหลักที่เป็นเสมือนภาพรวมของแนวทางการกำกับดูแลกิจการทั้งหมด

"จรรยาบรรณธุรกิจ และจรรยาบรรณาธุรกิจสำหรับคู่ค้า คือรากฐานที่สะท้อนว่าเราเป็นใคร และเราจะทำธุรกิจอย่างไร เป็นคำมั่นสัญญาที่เรามอบให้กับพนักงาน คู่ค้า ลูกค้า นักลงทุน และสังคมว่า เครือฯ จะดำเนินงานด้วยความซื่อสัตย์สุจริต เป็นธรรม และเคารพซึ่งกันและกัน" นางรงค์รุจา กล่าวเพิ่ม

ภายใต้จรรยาบรรณธุรกิจดังกล่าวยังได้กำหนดหัวข้อสำคัญใน 4 ด้าน ได้แก่ ความซื่อสัตย์ (Integrity) คุณภาพ (Quality) บุคลากร (People) และทรัพย์สินองค์กร (Asset) ซึ่งสามารถนำไปปรับใช้เป็นคู่มือปฏิบัติได้จริง พร้อมเชื่อมโยงไปสู่นโยบายต่าง ๆ โดยเฉพาะการบริหารความเสี่ยง หรือ Risk Management ซึ่งเป็นส่วนสำคัญที่สามารถสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้มีส่วนได้เสีย

นอกจากนี้การสร้างวัฒนธรรมด้านจริยธรรมที่ยั่งยืน ต้องอาศัยทั้งการสื่อสาร ฝึกอบรม ผู้นำที่เป็นแบบอย่าง และระบบสนับสนุนที่เปิดโอกาสให้พนักงานกล้าแสดงความเห็นหรือรายงานพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมได้อย่างปลอดภัย (Speak-up Culture) พร้อมระบบปกป้องผู้แจ้งเบาะแส

"เป้าหมายของเราคือการสร้าง 'ความไว้วางใจที่ยั่งยืน' เพราะความไว้วางใจคือรากฐานขององค์กรที่เข้มแข็ง เป็นปัจจัยสำคัญที่ลดความเสี่ยง สร้างความเชื่อมั่นให้กับสังคม" นางรงค์รุจา กล่าวปิดท้าย

การประกาศเจตนารมณ์และตอกย้ำพันธกิจด้านความยั่งยืนของเครือเจริญโภคภัณฑ์ ภายในงาน "ESG Policy in Action" บนเวที GCNT Expo 2025 ในครั้งนี้ ไม่เพียงเป็นการแสดงออกถึงความมุ่งมั่นอันแน่วแน่ขององค์กรในการขับเคลื่อนการพัฒนาอย่างยั่งยืน หากยังสะท้อนถึงการยกระดับนโยบาย ESG สู่การปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรม ผ่านกลไกการดำเนินงานร่วมกันของทุกกลุ่มธุรกิจในเครือ ทั้งในมิติสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล โดยนโยบายทั้ง 28 ข้อ ได้รับการออกแบบให้มีเป้าหมายที่ชัดเจน วัดผลได้ และสอดคล้องกับความคาดหวังของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในทุกระดับ พร้อมทั้งผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงเชิงระบบที่สามารถต่อยอดผลลัพธ์เชิงบวกในระยะยาว ไม่ว่าจะเป็นการลดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม การส่งเสริมคุณภาพชีวิตและความเป็นอยู่ของผู้คนในสังคม รวมถึงการสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่โปร่งใส มีธรรมาภิบาล และตรวจสอบได้ การขับเคลื่อนครั้งนี้จึงมิใช่เพียงการประกาศเจตนารมณ์ แต่คือก้าวสำคัญของ เครือเจริญโภคภัณฑ์ ในการยืนหยัดเป็นองค์กรต้นแบบด้านความยั่งยืนของไทย และร่วมเป็นพลังขับเคลื่อนประเทศสู่เป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืนในระดับโลกอย่างแท้จริง


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ