
สำนักงานคณะกรรมการการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ (สกมช.) จัดงาน "การสัมมนาเพื่อรับฟังความคิดเห็นในการปรับปรุงพระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ พ.ศ. 2562 และกฎหมายลำดับรอง ครั้งที่ 5" ขึ้น ณ ห้องประชุมพระวิษณุ ชั้น 3 โรงแรมอัศวิน แกรนด์ คอนเวนชัน โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อรวบรวมความคิดเห็นและข้อเสนอแนะจากทุกภาคส่วน เพื่อให้กฎหมายมีความสมบูรณ์ ทันสมัย และรองรับกับภัยคุกคามทางไซเบอร์ที่ทวีความรุนแรงขึ้นอย่างต่อเนื่อง

นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ให้เกียรติเป็นประธานในพิธีเปิดงาน และกล่าวเน้นย้ำถึงความสำคัญของความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ของประเทศ เนื่องจากภัยคุกคามทางไซเบอร์ได้สร้างความเสียหายอย่างใหญ่หลวงต่อภาครัฐ ภาคประชาชน และหน่วยงานต่างๆ การปรับปรุงกฎหมายจึงเป็นภารกิจสำคัญที่รัฐบาลให้ความสำคัญอย่างยิ่ง โดยรองนายกรัฐมนตรีได้เชิญชวนให้ผู้เข้าร่วมสัมมนาแลกเปลี่ยนประสบการณ์และให้ข้อเสนอแนะที่เป็นประโยชน์อย่างเต็มที่
พลอากาศตรี อมร ชมเชย เลขาธิการคณะกรรมการการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ ได้กล่าวรายงานถึงความจำเป็นเร่งด่วนในการปรับปรุงกฎหมาย โดย สกมช. ได้มีการเฝ้าระวังและพบภัยคุกคามทางไซเบอร์อย่างต่อเนื่อง การสัมมนานี้เป็นเวทีสำคัญที่เปิดโอกาสให้ผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ไม่ว่าจะเป็นหน่วยงานโครงสร้างพื้นฐานสำคัญทางสารสนเทศ หน่วยงานภาครัฐและเอกชน นักวิชาการ ผู้เชี่ยวชาญ และประชาชนทั่วไป ได้ร่วมแสดงความคิดเห็น
การสัมมนาในวันนี้จัดขึ้นตลอดทั้งวัน ตั้งแต่เวลา 08.30 - 16.30 น. นอกจากการเปิดการสัมมนาโดยรองนายกรัฐมนตรีแล้ว ยังมีการบรรยายในหัวข้อ "ความแตกต่างของกฎหมายที่เกี่ยวข้องของประเทศไทย" โดย ศ.ดร.ภูมินทร์ บุตรอินทร์, อาจารย์ ดร.สลิลธร ทองมีนสุข และคุณจารุนนท์ ส่งสวัสดิ์ รวมถึงการนำเสนอ "ผลการศึกษาและรวบรวมข้อมูลการรับความคิดเห็นจากผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทั้ง 4 ภูมิภาค" โดย ศ.ดร.ภูมินทร์ บุตรอินทร์ ในช่วงบ่ายจะเป็นการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ประเด็นที่นำไปสู่การปรับปรุงพระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ พ.ศ. 2562 และกฎหมายลำดับรอง โดย ศ.ดร.ภูมินทร์ บุตรอินทร์, รศ.ดร.ณัฐนนท์ ลีลาตระกูล, รศ.ดร.สุนิสา ริมเจริญ และอาจารย์เอกสิทธิ์ วินิจกุล การสัมมนานี้ยังเปิดให้เข้าร่วมผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ด้วย ข้อมูลที่ได้รับจากเวทีนี้จะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งในการนำไปประกอบการพิจารณาปรับปรุงกฎหมายให้มีความสมบูรณ์ยิ่งขึ้นต่อไป