
เพราะสงสัยใคร่รู้ในรสชาติของกาแฟที่ชงเองกับมือว่า "ดีพอหรือไม่" ทำให้สถาปนิกหนุ่ม "เต๋า-อินทัช เอื้อศักดิ์อารี" ที่เพิ่งคว้าแชมป์จากเวทีแข่งขัน Thailand National Brewers Cup Championship 2026 ตัดสินใจลงสนามเป็นครั้งแรกในรายการ April Brewers Cup พร้อมคว้ารางวัลอันดับ 4 ติดมือมา หลังจากใช้เวลากว่าครึ่งปีฝึกฝนฝีมือการชงกาแฟ โดยศึกษาเรียนรู้จากยูทูป และยังเป็นแรงผลักดันให้ก้าวสู่เวทีระดับประเทศ
จุดเริ่มต้นบนเส้นทางสายกาแฟของ "เต๋า เกิดขึ้นในช่วงโควิด หลังจากแฟนซื้อเครื่องบดกาแฟมาไว้ที่บ้าน ทำให้สนใจซื้ออุปกรณ์มาลองดริปกาแฟเอง แต่ความอยากรู้ได้พาไปไกลกว่าที่คิด เนื่องจากการลงแข่งขันทำให้พบว่าโลกของกาแฟยังมีอะไรให้เรียนรู้อีกมาก ทั้งได้เก็บประสบการณ์และร่วมเวทีกับคนเก่ง ๆ ทำให้มองเห็นหนทางในการเดินหน้าต่อ เรียกว่าเป็นเหมือนการตั้งเป้าไปสู่การแข่งขันในระดับประเทศ เนื่องจากทั้งสองเวทีเป็นการแข่งขันที่คล้ายกัน
เปลี่ยนความล้มเหลวเป็นพลังในการคว้าแชมป์
แม้ว่าครั้งในการแข่งขัน Thailand National Brewers Cup Championship 2025 จะทำได้ไม่ดี แทนที่การถอย "เต๋า" มองว่าได้รับสิ่งที่ดีค่ากว่าคือ คำแนะนำที่ทำให้รู้ว่า หากจะจริงจัง ต้องฝึกซ้อมอย่างมีระบบ มีการวางแผนและเตรียมตัวให้พร้อม ส่งผลให้เปลี่ยนวิธีคิดใหม่ในการกลับมาครั้งที่สอง โดยมีการวางตารางซ้อมอย่างชัดเจน แบ่งการฝึกเป็นรอบเช้า-บ่าย รวมถึงให้ความสำคัญกับการนอนและการออกกำลังกาย ที่จะช่วยควบคุมอารมณ์ได้ดียิ่งขึ้น พร้อมเตรียมพรีเซนต์เตชันให้ดีที่สุด นอกจากนี้ ยังมีทีมที่ดีคอยซัพพอร์ตและให้คำแนะนำ จนสามารถคว้าแชมป์ Thailand National Brewers Cup Championship 2026 ในที่สุด
"ไม่ได้รู้สึกล้มเหลวกับผลการแข่งขันครั้งแรกในระดับประเทศ เพราะแค่อยากไปเก็บประสบการณ์ และผู้เข้าร่วมแข่งขันก็เป็นผู้มากประสบการณ์ แต่การลงแข่งครั้งที่สองนี้มั่นใจเต็มร้อยว่าคว้าแชมป์ได้แน่นอน โดยหลังจากจบปีที่แล้ว ก็นำฟีดแบคมาแก้ไขปรับปรุงใช้เวลาฝึกซ้อมทั้งปี ทั้งชงชิมเอง ให้ญาติพี่น้องชิม จนได้สูตรสำหรับแข่งขันในรอบนี้ และก่อนวันแข่งยังซ้อมถึงตีสาม เพื่อให้มั่นใจว่า ทุกอย่างพร้อมที่สุด อยากทำให้ทีมเห็นว่าสิ่งที่เขาช่วยเรามาไม่สูญเปล่า ทั้งนี้ การมีทีมสำคัญมาก เพราะเวลาซ้อมจะช่วยฟีดแบคว่าควรแก้ไขอะไรบ้าง"เปิดเป้าหมายในเวที World Brewers Championship Cup 2026
สำหรับการเตรียมตัวไปแข่งขัน World Brewers Cup Championship 2026 ที่เมืองบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยียม ในช่วงวันที่ 25 - 27 มิถุนายน 2026 นอกจากการฝึกซ้อมอย่างสม่ำเสมอแล้ว สิ่งที่ "เต๋า" ให้ความสิ่งสำคัญในช่วงนี้คือ การหาแรงบันดาลใจในการเล่าเรื่องราวในการทำพรีเซนเตชันใหม่ ๆ ซึ่งต้องทำให้ดีที่สุดตั้งแต่รอบแรก เพื่อให้บรรลุเป้าหมายที่ต้องการคว้าแชมป์กลับประเทศไทยให้ได้ แม้จะยากมาก ๆ และมีความกดดันสูง เพราะยังไม่มี Brewers Cup คนไทยสามารถเข้ารอบ Semi-Final ได้เลย แต่จะพยายามสร้างความมั่นใจให้กับตัวเองและทำให้ทีมมั่นใจในตัวเราด้วยว่า "ทำได้"
ตลอดเส้นทางของแชมป์ Brewers Cup ไม่มีเคยมีไอดอล เพราะเชื่อว่าแต่ละคนมีวิธีเก่งที่ไม่เหมือนกัน โดยสิ่งที่ทำคือ ศึกษาจากคนอื่นมาเรื่อย ๆ พร้อมรับฟังทุกความคิดเห็น แล้วนำมากลั่นกรองออกมาเป็นแบบฉบับของตัวเองให้ดีที่สุด ซึ่งนอกจากคว้าแชมป์ระดับโลก ตอนนี้ยังไม่มีเป้าหมายใหม่ เพราะเป็นคนชอบเดินทีละสเต็ป หากมองเป็นโอกาสก็ค่อยคิดต่อ ในอนาคตคงทำเรื่องกาแฟเป็นพาร์ทไทม์ และอยากแชร์ประสบการณ์มากกว่า เนื่องจากกลัวว่าการทำงานประจำจะทำให้หมดสนุก
"สิ่งที่ทำให้หลงรักและสนุกกับในโลกของกาแฟ คือแค่เปลี่ยนไปหนึ่งวัน รสชาติของกาแฟก็ออกมาไม่เหมือนกันแล้ว เหมือนเป็นสเน่ห์ของกาแฟว่าแต่ละวันให้อะไรเราบ้าง และเราสามารถที่จะสร้างสรรค์อะไรจากกาแฟได้บ้าง ซึ่งผลผลิตในแต่ละปีจะมีรสชาติไม่เหมือนกันเลย สามารถเจอเซอร์ไพรส์ได้ตลอดเวลา"
เส้นทางที่ไม่ง่าย เมื่อไม่ใช่เจ้าของร้าน
เมื่อถามถึงสิ่งที่เป็นอุปสรรคหรือความท้าทาย "เต๋า" บอกว่า สิ่งที่ยากที่สุดในการแข่งขันคือ การเลือกกาแฟที่ดีสุด ให้ตรงกับความต้องการ เพราะ Home Brewers Cup หรือคนที่ไม่มีร้านกาแฟของตัวเองจะเข้าถึงวัตถุดิบได้ยากกว่า ทำให้ไม่มีความหลากหลาย เช่น หากต้องการลองใช้กาแฟดี ๆ จากต่างประเทศก็ค่อนข้างยาก เนื่องจากไม่มีใบอนุญาตในการนำเข้าเอง ทำให้ต้องอาศัยคอนเนคชัน เพื่อขอใช้กาแฟที่ต้องการมาใช้แข่งขัน และยังมีราคาแพงจากกำแพงภาษีนำเข้าค่อนข้างสูง ที่ภาครัฐใช้ปกป้องเกษตรกรไทย อีกทั้งทรัพยากรภายในประเทศมีค่อนข้างจำกัด ซึ่งในการแข่งขันมักมีคำถามถึงเหตุผลในการเลือกเมล็ดกาแฟในการทำพรีเซนเตชัน
ทิ้งท้ายด้วยมุมมองต่อวงการกาแฟไทย ซึ่ง "เต๋า" มองว่า น่าจะมีศักยภาพสูงขึ้นเรื่อย ๆ สะท้อนจากร้านกาแฟที่มีจำนวนมากขึ้น และผลผลิตจากเกษตรกรก็ดีขึ้นเรื่อย ๆ รวมถึงการผลักดันของสมาคมกาแฟที่มีการให้ความรู้ และขับเคลื่อนผ่านการจัดแข่งขันอย่างต่อเนื่อง ซึ่งทำให้เกิดการพัฒนามากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการประกวดกาแฟ บาริสต้า หรือแม้แต่เรื่องอุปกรณ์ที่มีการพัฒนาขึ้นเอง สร้างโอกาสทั้งระบบนิเวศให้ขยายวงกว้างมากขึ้น