DDD โชว์อัตรากำไร Q2 โตจากปีก่อน ท่ามกลางสภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว เดินกลยุทธ์โตต่อเนื่องพร้อมหนุนยอดขายในประเทศ

ข่าวทั่วไป Thursday August 14, 2025 11:31 —ThaiPR.net

DDD โชว์อัตรากำไร Q2 โตจากปีก่อน ท่ามกลางสภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว เดินกลยุทธ์โตต่อเนื่องพร้อมหนุนยอดขายในประเทศ

บริษัท ดู เดย์ ดรีม จำกัด (มหาชน) หรือ DDD ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์บำรุงผิว ผลิตภัณฑ์ดูแลช่องปาก อุปกรณ์ตกแต่งทรงผม อุปกรณ์เสริมความงาม ผลิตภัณฑ์ดูแลสุขภาพ ผลิตภัณฑ์เครื่องครัว รวมไปถึงสินค้าไลฟ์สไตล์ แบรนด์ดัง อาทิ SNAILWHITE, NAMU LIFE, OXE'CURE, SPARKLE, LESASHA, JASON, MAKAVELIC, EMJOI, @HOME, และแบรนด์ใหม่ล่าสุด VALERA, และ ELCHIM รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 2/2568 โดยมีรายละเอียด ดังนี้

ผลการดำเนินงานไตรมาส 2/2568 มีรายได้จากการขาย 653.15 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 15.36 โดยมีสาเหตุหลักมาจาก

  • รายได้จากธุรกิจผลิตภัณฑ์บำรุงผิวมีรายได้ลดลงร้อยละ 20.54 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยเป็นการลดลงของรายได้จากการขายต่างประเทศร้อยละ 49.77 ซึ่งเป็นผลมาจากการปรับเปลี่ยนรูปแบบการดำเนินธุรกิจในต่างประเทศ จากบริษัทร่วมทุน (Joint venture) เป็นตัวแทนจัดจำหน่าย (Authorized distributor) ในบางประเทศ ส่งผลโดยตรงต่อการรับรู้รายได้จากการขาย จากเดิมรับรู้รายได้จากยอดขายจากลูกค้า (End customer) เป็นการรับรู้รายได้จากการขายให้ตัวแทนจัดจำหน่ายซึ่งเป็นราคาขายส่ง (Wholesale price)
  • อย่างไรก็ตาม การเติบโตของยอดขายในประเทศเพิ่มสูงขึ้นร้อยละ 18.61 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยการเติบโตหลักมาจากกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่เป็นที่นิยมภายใต้แบรนด์ SPARKLE ผู้นำด้านผลิตภัณฑ์ดูแลช่องปาก นอกจากนี้บริษัทฯ ยังคงขยายตลาดช่องทางออนไลน์อย่างต่อเนื่องเพื่อให้สินค้าเข้าถึงผู้บริโภคได้มากขึ้น
  • สำหรับรายได้จากส่วนงานธุรกิจผลิตภัณฑ์เสริมความงามมีรายได้ลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน มีสัดส่วนลดลงร้อยละ 6.51 โดยสอดคล้องกับอัตราผู้คนที่เดินทางเข้าไปใช้บริการตามห้างร้าน (Footfall traffic) ที่มีแน้วโน้มลดลงในช่วงที่ผ่านมา อย่างไรก็ตามบริษัทฯ ได้มีการปรับเปลี่ยนกลยุทธ์เพื่อให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงของตลาด และมุ่งเน้นช่องทางออนไลน์เพื่อเข้าถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมายเพื่อกระตุ้นยอดขายอย่างสม่ำเสมอ

ขณะที่ต้นทุนขายรวมไตรมาสที่ 2/2568 อยู่ที่ 265.04 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 20 โดยสาเหตุหลักมาจากการบริหารจัดการต้นทุนสินค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ การใช้เต็มกำลังการผลิตของโรงงาน (Full Capacity Utilization) ส่งผลให้มีความประหยัดต่อขนาด (Economy of Scale) นอกจากนี้ในงวดปัจจุบันไม่มีการขายสินค้าซึ่งเป็นการขายครั้งใหญ่ (Big Lot) ในต่างประเทศ

สำหรับค่าใช้จ่ายในการจัดจำหน่ายและค่าใช้จ่ายในการบริหารมีมูลค่า 367.74 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 13 เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน โดยลดลงในส่วนของค่าใช้จ่ายด้านการส่งเสริมการขายตามนโยบายควบคุมต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการให้สอดคล้องกับกลยุทธ์องค์กร พร้อมปรับกลยุทธ์รับการเปลี่ยนแปลงของตลาดรวมถึงการขยายช่องทางสั่งซื้อที่หลากหลายเพื่อเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงลูกค้าอย่างทั่วถึง

จากปัจจัยดังกล่าวข้างต้น ทำให้บริษัทมีกำไรสุทธิ (Net Profit) เท่ากับ 30.47 ล้านบาท คิดเป็นอัตรากำไรสุทธิร้อยละ 4.50 เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับรายได้รวม

แม้ครึ่งปีแรก ปี 2568 ภาพรวมของเศรษฐกิจทั่วโลกโลกและภายในประเทศต้องเผชิญภาวะชะลอตัวจากสงครามการค้าและความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ที่ทำให้ผู้บริโภคระมัดระวังการใช้จ่าย อย่างไรก็ดีบริษัทมุ่งมั่นรักษาระดับกำไรสุทธิได้เทียบเคียงกับปีก่อน พร้อมเดินหน้าสู่การใช้เทคโนโลยีและข้อมูลเชิงลึกในการสร้างกลยุทธ์ทางธุรกิจที่แม่นยำและตรงกลุ่มเป้าหมาย รวมถึงการบูรณาการกระบวนการดำเนินงานเพื่อเพิ่มความยืดหยุ่นและประสิทธิภาพขององค์กรอย่างยั่งยืนในอนาคต


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ