
กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข เผยปัญหาการบังคับใช้กฎหมายการสาธารณสุขล่าช้า ส่งผลประชาชนเดือดร้อนรำคาญยาวนาน โดยเฉพาะประเด็นกลิ่นเหม็นจากฟาร์มเลียงสัตว์และเสียงดังจากสถานบันเทิง พร้อมเร่งพัฒนาศักยภาพเจ้าพนักงานท้องถิ่นให้เข้าใจหลักกฎหมาย หวังแก้ไขปัญหาได้อย่างยั่งยืน
แพทย์หญิงอัมพร เบญจพลพิทักษ์ อธิบดีกรมอนามัย เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ตามพระราชบัญญัติการสาธารณสุข พ.ศ. 2535 เมื่อวันที่ 13 สิงหาคม 2568 ที่ผ่านมา ว่า กฎหมายดังกล่าว มีเจตนารมณ์เพื่อคุ้มครองสุขอนามัยของประชาชนและชุมชน โดยกระจายอำนาจให้ท้องถิ่นออกคำสั่งทางปกครอง อย่างไรก็ตาม พบว่า มีเรื่องอุทธรณ์คำสั่งเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยจาก 91 เรื่อง ในปี 2561 เพิ่มเป็น 137 เรื่อง ในปี 2567 ปัญหาสำคัญที่น่าเป็นห่วง คือ หลายกรณีสร้างความเดือดร้อนรำคาญแก่ประชาชนเป็นเป็นเวลานานโดยเฉพาะปัญหากลิ่นเหม็นและเสียงดังจากฟาร์มเลี้ยงสัตว์ขนาดใหญ่ รวมถึงเสียงดังจากสถานบันเทิง กลไกการบังคับใช้กฎหมายไม่สามารถบรรเทาปัญหาได้อย่างทันท่วงที เนื่องจากเจ้าพนักงานท้องถิ่นออกคำสั่งทางปกครองไม่ถูกต้อง ทำให้คำสั่งถูกเพิกถอนในชั้นอุทธรณ์ ส่งผลให้กิจการที่ก่อปัญหาดำเนินกิจการต่อได้

นายสุพจน์ อาลือสมาน ผู้อำนวยการกองกฎหมาย กรมอนามัย ชี้แจงถึงสาเหตหลักของการเพิกถอนคำสั่งทางปกครองว่า มาจากการออกคำสั่งไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการตามพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. 2539 โดยเน้นย้ำถึง 2 หลักการสำคัญ ได้แก่ 1) หลักความชอบด้วยกฎหมาย (Legality) การออกคำสั่งต้องอาศัยอำนาจตามที่กฎหมายกำหนด และเป็นไปตามเงื่อนไขที่กฎหมายระบุไว้ โดยเจ้าพนักงานต้องตรวจสอบข้อเท็จจริงอย่างละเอียด และทำคำสั่งเป็นหนังสือพร้อมระบุเหตุผลชัดเจน และ 2) หลักความได้สัดส่วน (Proportionality) เป็นหัวใจสำคัญที่มักเป็นปัญหาที่สุด การกำหนดมาตรการในคำสั่งต้องสอดคล้องกับความรุนแรงของปัญหาและไม่สร้างภาระเกินควรแก่ผู้ประกอบการ มาตรการควรเหมาะสมกับการแก้ไขปัญหาเป็นหลัก เช่น กรณีปัญหากลิ่นเหม็น ควรสั่งให้จัดการระบบบำบัดกลิ่นแทนที่จะสั่งปิดกิจการทันที เพื่อลดผลกระทบต่อผู้ประกอบการแต่ยังคงแก้ไขปัญหาได้อย่างมีประสิทธิภาพ การขาดความเข้าใจในหลักการนี้ส่งผลให้เจ้าพนักงานอาจออกคำสั่งที่รุนแรงเกินไป นำไปสู่การเพิกถอนคำสั่งและต้องเริ่มต้นกระบวนการใหม่ ทำให้ปัญหายังคงอยู่
อธิบดีกรมอนามัย กล่าวทิ้งท้ายว่า "กรมอนามัยเร่งพัฒนาและเสริมสร้างศักยภาพของเจ้าพนักงานท้องถิ่นให้มีความรู้ ความเข้าใจในการบังคับใช้กฎหมายอย่างถูกต้อง เพื่อให้สามารถใช้มาตรการตามกฎหมายสาธารณสุขได้อย่างมีประสิทธิภาพ และออกคำสั่งทางปกครองที่ชอบด้วยกฎหมายและเป็นไปตามหลักความได้สัดส่วน ซึ่งจะช่วยแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนรำคาญในชุมชนได้อย่างยั่งยืน และคืนคุณภาพชีวิตที่ดีให้แก่ประชาชนได้ในที่สุด"