
กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม หรือ ดีพร้อม (DIPROM) แถลงผลความสำเร็จกิจกรรม "การพัฒนาภาพลักษณ์แบรนด์และผลิตภัณฑ์สู่ Fashion Hero Brand สาขาหัตถอุตสาหกรรมไทย" ภายใต้โครงการส่งเสริมภาพลักษณ์สินค้าแฟชั่น จากทุนทางวัฒนธรรมไทยสู่สากล (Fashion Identity) ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 ตามนโยบาย "ดีพร้อมคอมมูนิตี้ ที่นี่มีแต่ให้" ของ นางสาวณัฏฐิญา เนตยสุภา อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม
นางดวงดาว ขาวเจริญ รองอธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า อุตสาหกรรมสาขาหัตถกรรมไทยเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรม ที่มีบทบาทสำคัญทั้งในด้านเศรษฐกิจภายในประเทศและการส่งออก โดยในปี 2567 ไทยมีมูลค่าการส่งออกหัตถกรรมรวม 33,019.03 ล้านบาท ขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 20.10 เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน ซึ่งตลาดส่งออกหลักที่มีมูลค่ามากที่สุด คือ สหรัฐอเมริกา และตลาดที่มีอัตราการขยายตัวมากที่สุด คือ สหภาพยุโรป ซึ่งประเทศที่มีอัตราการขยายตัวมากที่สุด คือ อิตาลี สำหรับผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าส่งออกมากที่สุด คือ เครื่องประดับแท้ทำด้วยทอง และผลิตภัณฑ์ที่มีอัตราการขยายตัวมากที่สุด คือ เสื้อผ้าสำเร็จรูปทำจากไหม และกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าส่งออกและมีการขยายตัวมากที่สุด คือ เครื่องเงิน เครื่องทอง (รายงานจากสถาบันส่งเสริมศิลปหัตถกรรมไทย (องค์การมหาชน)

อย่างไรก็ตาม นอกจากการพัฒนาบุคลากรให้มีความรู้ ความสามารถ และเข้าใจในทิศทางของตลาดโลกแล้ว สิ่งที่สำคัญไม่น้อยไปกว่าการพัฒนาฝีมือ คือ "การพัฒนาภาพลักษณ์แบรนด์และผลิตภัณฑ์" ให้มีความโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ ดังนั้น การดำเนินกิจกรรมครั้งนี้จึงเป็นก้าวสำคัญในการเสริมสร้างความพร้อมของผู้ประกอบการไทย ให้สามารถพัฒนาและยกระดับทั้งในด้านความเชี่ยวชาญในการออกแบบ การสร้างแบรนด์ และการตอบโจทย์ผู้บริโภครุ่นใหม่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ผู้เข้าร่วมกิจกรรมทุกท่านได้เรียนรู้จากผู้เชี่ยวชาญ ทดลองปฏิบัติจริง สร้างเครือข่ายร่วมกัน
กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม หรือ ดีพร้อม (DIPROM) ดำเนินการตามนโยบาย "ดีพร้อมคอมมูนิตี้ ที่นี่มีแต่ให้" ของ นางสาวณัฏฐิญา เนตยสุภา อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ในการสนับสนุนพลังสร้างสรรค์ หรือ Soft Power ของประเทศไทย ผ่านการส่งเสริมและสนับสนุนอุตสาหกรรมไทยด้วย 6 กลไกที่สำคัญ คือ 1. การวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึก 2. การใช้เทคโนโลยี ดิจิทัล นวัตกรรม และความคิดสร้างสรรค์ 3. การเข้าถึงแหล่งเงินทุน 4. การเชื่อมกับสิทธิประโยชน์ 5. การเชื่อมโยงเครือข่ายพันธมิตร และ 6. การผลักดันธุรกิจสู่สากล ซึ่งกิจกรรมนี้ได้เชื่อมโยงนโยบายผ่าน 3 กลไก ได้แก่
นางดวงดาว กล่าวต่อว่า กิจกรรมการพัฒนาภาพลักษณ์แบรนด์และผลิตภัณฑ์สู่ Fashion Hero Brand สาขาหัตถอุตสาหกรรมไทย เป็นกิจกรรมที่เปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมสาขาหัตถอุตสาหกรรมไทยได้พัฒนาความรู้ ความสามารถ เสริมสร้างความพร้อมในการสร้างแบรนด์ และพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้ตอบโจทย์ผู้บริโภคยุคใหม่ อย่างสร้างสรรค์ ช่วยส่งเสริมและพัฒนาบุคลากรในอุตสาหกรรมเครื่องสำอางและความงามไทยให้มีความรู้ ในด้านการพัฒนาผลิตภัณฑ์ การสร้างแบรนด์ การตลาด และสามารถดึงอัตลักษณ์ความเป็นไทยมาพัฒนาแบรนด์ให้โดดเด่น
ทั้งนี้ คาดว่ากิจกรรมนี้ จะก่อให้เกิดรากฐานที่มั่นคงในการพัฒนาอุตสาหกรรมสาขาหัตถอุตสาหกรรมไทยให้เติบโตได้อย่างมั่นคงและยั่งยืนต่อไป นางดวงดาว ขาวเจริญ กล่าวทิ้งท้าย