
บมจ.สยามเทคนิคคอนกรีต (STECH) โชว์ฟอร์มแกร่ง กำไรครึ่งปีแรกทะยาน 52% ทะลุ 100 ล้านบาท รายได้รวม 1,201 ล้านบาท อัตรากำไรสุทธิขยับขึ้นแตะ 8.33% จาก 6.31% หลังบริหารต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมส่งมอบงานตามแผนรับดีมานด์คอนกรีตอัดแรงทั่วประเทศ เดินหน้าขยายฐานการผลิตภาคใต้ผ่านบริษัทย่อย "วังคอนกรีต" รองรับเมกะโปรเจกต์ที่รอเปิดตัวอีกหลายโครงการ มั่นใจครึ่งปีหลังยังโตต่อเนื่อง หนุนจากแผนลงทุนโครงสร้างพื้นฐานและความต้องการก่อสร้างที่ฟื้นตัว โดยปัจจุบันมี Backlog สะสมอยู่ที่ 700 ล้านบาท
นายวัฒน์ชัย มงคลศรีสวัสดิ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สยามเทคนิคคอนกรีต จำกัด (มหาชน) หรือ STECH ผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์คอนกรีตอัดแรง ที่มีจุดเด่นโรงงานผลิตลวดใช้กระบวนการผลิตเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เปิดเผยว่า ภาพรวมผลการดำเนินงานครึ่งปีแรกของปี 2568 บริษัทฯ สามารถบริหารจัดการธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ มีกำไรสุทธิ 100.64 ล้านบาท ถึง 51.91% จากงวดเดียวกันปีก่อนที่ 66.25 ล้านบาท เช่นเดียวกับรายได้จากการขายและบริการทำได้ 1,201.27 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันปีก่อนถึง 19.95% จากการส่งมอบงานในปริมาณที่สูงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อนตามปริมาณคำสั่งซื้อที่มีอยู่ในมือ ทั้งนี้บริษัทยังไม่มีงานโครงการก่อสร้าง ซึ่งอยู่ในช่วงเวลาประมูลงาน เนื่องจากโครงการทยอยแล้วเสร็จไปในช่วงไตรมาส 2-3 ปีที่ผ่านมา พร้อมกับเน้นการบริหารอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
สนับสนุนให้อัตรากำไรสุทธิงวด 6 เดือนแรกเพิ่มขึ้นเป็น 8.33% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน 6.31% และมีอัตราผลตอบแทนผู้ถือหุ้นเพิ่มขึ้นเป็น 13.02% จากเดิม 9.31% อัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนผู้ถือหุ้นก็ปรับลดลงมาอยู่ที่ 1.03 เท่า จากเดิม 1.26 เท่า
"STECH ยังคงเดินหน้าเติบโตได้อย่างแข็งแกร่งในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2568 สะท้อนถึงศักยภาพของธุรกิจคอนกรีตอัดแรงซึ่งเป็นธุรกิจหลักของบริษัท (Core Business) ยังมีดีมานด์ต่อเนื่อง แม้ภาพรวมธุรกิจก่อสร้างในประเทศจะมีความท้าทาย บริษัทมุ่งเน้นบริหารจัดการและควบคุมต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมส่งมอบงานตามแผน ขณะเดียวกันยังมีโครงการของภาครัฐและเอกชนอีกจำนวนมากที่อยู่ระหว่างรอการประมูล ซึ่งจะเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญในการผลักดันการเติบโตของ STECH อย่างมั่นคงในช่วงครึ่งปีหลังต่อไป" นายวัฒน์ชัย กล่าว
ด้าน นายเจษฎ์กรณ์ มงคลศรีสวัสดิ กรรมการผู้จัดการ สายงานการตลาดและการขาย ยืนยันว่าการเข้าลงทุนในวังคอนกรีตยังทำได้ดีตามแผนที่จะรองรับตลาดทางภาคใต้ ซึ่งเป็นพื้นที่ที่บริษัทฯ ยังไม่มีโรงงาน เพราะเล็งเห็นว่าเป็นการเพิ่มช่องทางสำหรับการขยายฐานลูกค้าและเพิ่มรายได้ และเมื่อวันที่ 14 สิงหาคม 2568 คณะกรรมการบริษัท STECH มีมติการประชุมให้มีการเพิ่มทุนในบริษัทย่อย คือ บริษัท วังคอนกรีต จำกัด อีก 10,000 หุ้น หลังจากการเพิ่มทุนจะมีหุ้นสามัญทั้งหมด 30,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1,000 บาท โดยบริษัทยังมีสัดส่วนการถือหุ้น 100% สำหรับแหล่งเงินทุนที่ใช้จะมาจากเงินทุนหมุนเวียนภายในบริษัท สำหรับวัตถุประสงค์ของการเพิ่มทุนเพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนและรองรับการขยายธุรกิจในอนาคต
มั่นใจว่าช่วงครึ่งปีหลัง 2568 บริษัทฯ ยังสามารถเติบโตได้ดี จากปัจจุบันมีงานที่รอรับรู้รายได้ (Backlog) อยู่ที่ 700 ล้านบาท อีกทั้ง บริษัทฯ มีความพร้อมร่วมประมูลงานโครงการใหม่จำนวนมากทั้งภาครัฐและเอกชน แต่สภาพเศรษฐกิจปัจจุบันถือเป็นความท้าทายมาก แต่เชื่อว่าตลาดคอนกรีตอัดแรงในไทยยังมีความต้องการ เพราะต้องรองรับแผนการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานและอสังหาริมทรัพย์ในประเทศ
ซึ่งปัจจุบัน STECH มีโรงงานผลิตคอนกรีตอัดแรงรวม 10 แห่งครอบคลุมทุกภูมิภาค ที่สำคัญบริษัทมุ่งเน้นการขยายตลาด พัฒนาเทคโนโลยีการผลิตที่ทันสมัยและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยไม่ต้องใช้น้ำกรดซึ่งเป็นกรดไฮโดรคลอริคเข้มข้นในการกัดลวดโลหะให้สะอาดเหมือนในอดีต จึงไม่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม อีกทั้งพร้อมจัดจำหน่ายเสาเข็มขนาดเล็ก (Micropile) ให้กับลูกค้าในรูปแบบ B2C ซึ่งเป็นการจำหน่ายให้กับผู้รับเหมาก่อสร้าง หรือเจ้าของบ้านที่ต้องการซ่อมแซมและต่อเติมบ้านไม่ให้ทรุดตัว ถือเป็นช่องทางเพิ่มรายได้ให้กับ STECH ในอนาคต