กรุงศรีคาดเงินบาทสัปดาห์นี้ซื้อขายในกรอบ 32.10-32.80 เฟดส่งสัญญาณลดดอกเบี้ย

ข่าวทั่วไป Monday August 25, 2025 10:43 —ThaiPR.net

กรุงศรีคาดเงินบาทสัปดาห์นี้ซื้อขายในกรอบ 32.10-32.80 เฟดส่งสัญญาณลดดอกเบี้ย

กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) มีมุมมองต่อทิศทางค่าเงินบาทในสัปดาห์นี้ว่า เงินบาทสัปดาห์นี้มีแนวโน้มเคลื่อนไหวในกรอบ 32.10-32.80 บาท/ดอลลาร์ เทียบกับสัปดาห์ที่ผ่านมา เงินบาทปิดอ่อนค่าที่ 32.64 บาท/ดอลลาร์ หลังซื้อขายในกรอบค่อนข้างแคบระหว่าง 32.42-32.68 บาท/ดอลลาร์ เงินดอลลาร์อ่อนค่าเมื่อเทียบเงินยูโรและเยน แม้ในช่วงแรกดอลลาร์จะได้แรงหนุนจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯที่ขยับสูงขึ้นขณะที่นักลงทุนซื้อขายอย่างระมัดระวังก่อนการกล่าวสุนทรพจน์ของประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ(เฟด)ในงานสัมมนาที่ Jackson Hole เพื่อประเมินทิศทางนโยบายการเงิน ขณะที่ข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐฯหลายรายการออกมาในเชิงผสม อย่างไรก็ตาม ค่าเงินดอลลาร์ร่วงลงท้ายสัปดาห์หลังประธานเฟดส่งสัญญาณปรับนโยบายการเงิน ทำให้ผู้ร่วมตลาดปรับสถานะการลงทุนอีกครั้ง ทางด้านประธานาธิบดี ทรัมป์เรียกร้องให้สมาชิกคณะกรรมการผู้ว่าการเฟดลาออกจากตำแหน่ง เพิ่มกังวลที่ว่าฝ่ายการเมืองจะเข้ามามีอิทธิพลในธนาคารกลางมากขึ้น ทั้งนี้ นักลงทุนต่างชาติขายหุ้นและพันธบัตรไทยสุทธิ 6,135 ล้านบาท และ 2,459 ล้านบาท ตามลำดับ

สำหรับในสัปดาห์นี้ หลังสุนทรพจน์ของประธานเฟดส่งสัญญาณที่แข็งแกร่งกว่าที่คาดการณ์ว่าเฟดเตรียมจะลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนกันยายน เพื่อตอบสนองต่อความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นในตลาดแรงงาน อีกทั้งระบุว่านโยบายการเงินอยู่ในระดับที่เข้มงวดอาจทำให้ต้องปรับเปลี่ยนแนวทางนโยบาย แม้เงินเฟ้อยังคงสูงจากผลของภาษีศุลกากรและการตัดสินใจเรื่องดอกเบี้ยยังไม่แน่นอนก็ตาม โดยในภาพรวมเราคาดว่าเฟดจะลดดอกเบี้ยลงอย่างน้อย 2 ครั้งก่อนสิ้นปีนี้ นอกจากนี้ เรามองว่าแรงกดดันต่อค่าเงินดอลลาร์ยังมาจากภาวะดอกเบี้ยขาลงของธนาคารกลางหลักนอกสหรัฐฯส่วนใหญ่ใกล้สุดทาง รวมถึงการที่ประธานาธิบดีทรัมป์ข่มขู่ที่จะแทรกแซงความเป็นอิสระของเฟดอย่างต่อเนื่อง

สำหรับปัจจัยในประเทศ เศรษฐกิจไทยไตรมาส 2/68 ขยายตัว 2.8% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน สูงกว่าที่ตลาดคาด ขณะที่สภาพัฒน์คาดว่าจีดีพีปี 68 จะเติบโตในช่วง 1.8-2.3% จากเดิมประเมินไว้ที่ 1.3-2.3% ทางด้านวิจัยกรุงศรีมองว่าแม้จะมีความเสี่ยงด้านบวกโดยเฉพาะจากการดำเนินนโยบายการคลังและการเงิน แต่ความเสี่ยงด้านลบยังคงมีนัยสำคัญซึ่งรวมถึงความไม่แน่นอนทางการเมืองในประเทศ และผลกระทบจากการเรียกเก็บภาษีตอบโต้ของสหรัฐฯ โดยประเด็นเหล่านี้อาจฉุดรั้งอุปสงค์จากต่างประเทศ บั่นทอนความเชื่อมั่นนักลงทุน และจำกัดแรงขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจโดยรวม


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ