
'บมจ. เงินเทอร์โบ' หรือ TURBO เตรียมเสนอขาย IPO จำนวนไม่เกิน 537 ล้านหุ้น เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ หลังสำนักงาน ก.ล.ต. นับหนึ่งแบบไฟลิ่ง โชว์ศักยภาพผู้ให้บริการทางการเงินที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี และพลังคนรุ่นใหม่ เพื่อยกระดับการเข้าถึงบริการทางการเงินของคนไทย ด้วยระบบอนุมัติสินเชื่อและบริหารจัดการความเสี่ยงที่มีประสิทธิภาพ
นายสุธัช เรืองสุทธิภาพ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เงินเทอร์โบ จำกัด (มหาชน) หรือ TURBO เปิดเผยว่า "เงินเทอร์โบ" เป็นผู้ให้บริการทางการเงินแก่กลุ่มลูกค้าที่ไม่สามารถเข้าถึงบริการทางการเงิน หรือสามารถเข้าถึงแต่ได้รับบริการไม่ครบถ้วน ภายใต้ความต้องการที่จะเห็นผู้คนในทุกๆ ชุมชนสามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนและบริการทางการเงินที่มีความน่าเชื่อถือ และ มีความสมเหตุสมผล ปัจจุบันแบ่งการให้บริการเป็น 3 กลุ่มธุรกิจ ได้แก่ 1. ธุรกิจสินเชื่อ ซึ่งประกอบไปด้วยสินเชื่อที่มีทะเบียนรถเป็นประกัน สินเชื่อโฉนดที่ดิน และสินเชื่อนาโนไฟแนนซ์ 2.ธุรกิจนายหน้าประกันภัยและนายหน้าประกันชีวิต และ 3.ธุรกิจจำหน่ายสินค้าเงินสดและเงินผ่อน โดย ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2568 บริษัทฯ มีสาขาทั้งสิ้น 996 แห่ง กระจายอยู่ในพื้นที่ 54 จังหวัดทั่วประเทศ
กลุ่มบริษัทฯ มีจุดแข็งในการดำเนินธุรกิจที่สำคัญ ประกอบด้วย 1) การบริการที่สะดวก รวดเร็วและเข้าใจลูกค้า จากการที่กลุ่มบริษัทฯ ใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยในการประเมินและอนุมัติสินเชื่อ รวมถึงให้ความสำคัญการพัฒนาความรู้ และทักษะที่จำเป็นเพื่อเพิ่มศักยภาพในการให้บริการของพนักงานสาขา ทำให้ลูกค้าได้รับบริการที่ตรงจุด จนเกิดเป็นความประทับใจนำไปสู่การแนะนำบอกต่อ โดยในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2568 มีลูกค้าที่มาจากการแนะนำบอกต่อสูงถึงร้อยละ 20 2) การขับเคลื่อนองค์กรผ่านเทคโนโลยี กลุ่มบริษัทฯ มีฝ่ายเทคโนโลยีที่ใหญ่และมีศักยภาพ โดยปัจจุบันพนักงานในฝ่ายเทคโนโลยี และ ฝ่ายข้อมูล คิดเป็นร้อยละ 32.3 ของจำนวนพนักงานสำนักงานใหญ่ทั้งหมด ทำให้สามารถพัฒนาระบบเทคโนโลยีที่มีความเหมาะสม เฉพาะเจาะจงกับวฺธีการทำงาน ซึ่งช่วยสร้างความยืดหยุ่นในการพัฒนา ปรับปรุง ระบบเทคโนโลยีได้อย่างรวดเร็ว ทำให้สามารถรักษาต้นทุนให้อยู่ในระดับต่ำได้ในระยะยาว ดังจะเห็นได้จากค่าใช้จ่ายการดำเนินงานต่อสาขาของกลุ่มบริษัทฯ ที่อยู่ 1.3 ล้านบาท ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมที่ 2.3 ล้านบาท 3) การบริหารความเสี่ยงที่มีประสิทธิภาพและครอบคลุม โดยนำเทคโนโลยีมาเป็นตัวช่วยสนับสนุนการทำงานตั้งแต่การปล่อยสินเชื่อ การติดตามทวงถามหนี้ และ การบริหารสินทรัพย์ เพื่อลดข้อผิดพลาดในการทำงาน นอกจากนี้กลุ่มบริษัทฯ ยังมีการติดตามผลข้อมูลที่เป็นปัจจุบันเพื่อปรับกลยุทธ์ได้อย่างทันท่วงที ดังจะเห็นได้จากการที่กลุ่มบริษัทฯ สามารถควบคุมความเสี่ยงให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม ผ่านอัตราส่วนรายได้รวมหักค่าใช้จ่ายผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นต่อลูกหนี้เงินให้กู้ยืมสุทธิเฉลี่ย ซึ่งสูงที่สุดในอุตสาหกรรมที่ร้อยละ 21.8
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เงินเทอร์โบ จำกัด (มหาชน) กล่าวต่อว่า แม้เศรษฐกิจในช่วงที่ผ่านมาจะมีความท้าทาย แต่กลุ่มบริษัทฯ ก็สามารถเติบโตได้อย่างก้าวกระโดด จากการให้ความสำคัญสูงสุดกับคุณภาพการให้บริการ พอร์ตสินเชื่อของกลุ่มบริษัทฯ เติบโตจาก 3,282 ล้านบาทในปี 2563 เป็น 11,263 ล้านบาท ณ 30 มิถุนายน 2568 และยังคงมีอัตราดอกเบี้ยรับ (Yield on Loan) ที่สูงกว่าค่าเฉลี่ยของผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมเดียวกัน โดยสำหรับงวดหกเดือนสิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2568 บริษัทฯ มีอัตราดอกเบี้ยรับ (Yield on Loan) อยู่ที่ร้อยละ 24.2 ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดที่ร้อยละ 17.5
นายคมกฤต รักษากุลเกียรติ หัวหน้าวาณิชธนกิจ ธนาคารทิสโก้ จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน กล่าวว่า หลังจาก บริษัท เงินเทอร์โบ จำกัด (มหาชน) ได้ยื่นแบบคำขออนุญาตเสนอขายหลักทรัพย์และแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์ (ไฟลิ่ง) ต่อสำนักงาน ก.ล.ต. เพื่อขอเสนอขายหุ้นสามัญต่อประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวนไม่เกิน 537 ล้านหุ้น หรือคิดเป็นไม่เกินร้อยละ 20.10 ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและชำระแล้วทั้งหมดของบริษัทฯ ภายหลังการออกและเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนในครั้งนี้ โดยแบ่งเป็น 1) การเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัทฯ จำนวนไม่เกิน 447.78 ล้านหุ้น คิดเป็นไม่เกินร้อยละ 16.8 ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและชำระแล้วทั้งหมดของบริษัทฯ ภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญในครั้งนี้ และ 2) การเสนอขายหุ้นสามัญเดิมของบริษัทฯ โดยบริษัท กสิกร วิชั่น จำกัด จำนวนไม่เกิน 89.22 ล้านหุ้น คิดเป็นไม่เกินร้อยละ 3.3 ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและชำระแล้วทั้งหมดของบริษัทฯ ภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญในครั้งนี้ ล่าสุด สำนักงาน ก.ล.ต. ได้นับหนึ่งไฟลิ่งแบบคำขออนุญาตเสนอขายหลักทรัพย์และแบบไฟลิ่งแล้ว ปัจจุบันอยู่ระหว่างเตรียมความพร้อมเพื่อเสนอขายหุ้น IPO โดยมีแผนนำเงินไปใช้ขยายธุรกิจให้บริการการเงินของกลุ่มบริษัทฯ ชำระคืนเงินกู้ยืมจากธนาคารพาณิชย์ และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจมุ่งสู่ผู้บริการทางการเงินแก่กลุ่มลูกค้ารายย่อยชั้นนำระดับประเทศ