
PwC เผยผลสำรวจชี้ผู้บริโภคไทยตื่นตัวเรื่องสุขภาพและหันมาใช้เทคโนโลยีทางอาหารเพิ่มขึ้น แม้เผชิญค่าครองชีพที่สูงขึ้นกว่าครึ่ง พร้อมจับตาความปลอดภัยในอาหารและนวัตกรรมดูแลสุขภาพเป็นปัจจัยหลักต่อการเลือกบริโภค แนะผู้ประกอบการปรับตัวและสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ใหม่รองรับเทรนด์ดังกล่าวเพื่อโอกาสเติบโตในอนาคต
รายงานผลสำรวจเสียงของผู้บริโภค ประจำปี 2568 ฉบับภาพรวมประเทศไทย ซึ่งทำการสำรวจกลุ่มตัวอย่างผู้บริโภคชาวไทยจำนวน 521 ราย เกี่ยวกับพฤติกรรมการบริโภคอาหารและแนวโน้มของผู้บริโภคพบว่า ผู้บริโภคไทยให้ความสำคัญต่อการเลือกซื้ออาหารที่สอดคล้องกับทัศนคติด้านสุขภาพ ความสะดวกสบายและความยั่งยืนมากยิ่งขึ้น ถึงแม้จะต้องเผชิญกับปัญหาราคาอาหารที่ปรับตัวสูงขึ้นและข้อจำกัดด้านค่าครองชีพโดยจากผลสำรวจพบว่า 57% ของผู้ตอบแบบสอบถามระบุว่าค่าครองชีพที่สูงขึ้นมีผลกระทบต่อพฤติกรรมการใช้จ่ายของตน
นาย พิสิฐ ทางธนกุล ประธานกรรมการบริหาร บริษัท PwC ประเทศไทย กล่าวว่า:
"ต้องยอมรับว่าราคาเป็นหนึ่งในตัวแปรสำคัญเวลาคนไทยจะตัดสินใจซื้อของในเศรษฐกิจแบบนี้ แต่จริง ๆ แล้วมันไม่ได้มีแค่เรื่องราคาเท่านั้นนะครับ หลายคนก็ยังให้ความสำคัญกับความปลอดภัยและคุณภาพของอาหารด้วยเหมือนกัน เพราะฉะนั้น ทุกวันนี้ผู้บริโภคชาวไทยจึงเลือกใช้จ่ายอย่างรอบคอบมากขึ้น คิดถึงความคุ้มค่า ดูความปลอดภัย และเลือกสิ่งที่ดีต่อสุขภาพเป็นหลัก"
รายงานล่าสุด ระบุว่า ผู้บริโภคในประเทศไทยส่วนใหญ่แสดงความกังวลเกี่ยวกับความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นต่อสุขภาพจากอาหาร โดย66% กังวลเรื่องยาฆ่าแมลงในอาหาร 55% กังวลเกี่ยวกับวัตถุเจือปนอาหารหรือสารกันบูด และ 51% กังวลเกี่ยวกับผลกระทบต่อสุขภาพที่อาจเกิดจากอาหารแปรรูปขั้นสูง
จากผลสำรวจ พบว่า 63% ของผู้บริโภคไทยมองว่าตนมีบทบาทหลักในการเลือกบริโภคอาหารเพื่อสุขภาพ ขณะที่ 57% คาดหวังให้ผู้ผลิตและบริษัทอาหารเข้ามามีส่วนร่วมสนับสนุนการดำเนินชีวิตที่ดีต่อสุขภาพเช่นกัน นอกจากนี้ 43% ของผู้ตอบแบบสอบถามระบุว่า ประโยชน์ด้านสุขภาพเป็นปัจจัยสำคัญอันดับต้น ๆ ที่มีอิทธิพลต่อการเปลี่ยนแบรนด์สินค้าอาหาร ข้อมูลดังกล่าวสะท้อนถึงโอกาสสำหรับผู้ประกอบการค้าปลีกและผู้ผลิตอาหารในการสร้างมูลค่าเพิ่มเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคยุคใหม่อย่างมีประสิทธิภาพ
คนไทยเปิดรับการใช้นวัตกรรมในบริการอาหารเพื่อสุขภาพและความสะดวก
ปัจจุบันผู้บริโภคชาวไทยเริ่มใช้เทคโนโลยีใหม่ ๆ และบริการจัดส่งออนไลน์แบบออนดีมานด์มากขึ้น ข้อมูลจากการสำรวจพบว่า 54% ของผู้บริโภคในประเทศไทยใช้บริการร้านค้าปลีกยุคใหม่ เช่น แพลตฟอร์มสั่งซื้อสินค้าออนไลน์ หรือบริการจัดส่งอาหารแบบสมัครสมาชิก เพื่อเพิ่มความสะดวกและรวดเร็วในการดำเนินชีวิตประจำวัน นอกจากนี้ 29% ของผู้บริโภคสั่งซื้ออาหารหรือของชำผ่านออนไลน์ทุกสัปดาห์ ซึ่งตัวเลขนี้สูงกว่าค่าเฉลี่ยทั่วโลกที่อยู่ที่ 15%
ผลสำรวจของ PwC ยังพบว่า เทคโนโลยีด้านสุขภาพส่วนบุคคลได้เปลี่ยนแปลงวิธีการประเมินอาหารและกิจวัตรของผู้บริโภคไทย โดย 79% ของผู้ตอบแบบสอบถามเลือกใช้แอปพลิเคชันหรืออุปกรณ์สวมใส่เพื่อสุขภาพอย่างน้อยหนึ่งประเภท และโดยเฉลี่ยแต่ละคนมีอุปกรณ์ประมาณสามเครื่อง นอกจากนี้ ผู้บริโภคมากถึง 98% ระบุว่าเทคโนโลยีนี้ส่งผลต่อชีวิตประจำวันของตนเอง
ในเรื่องการประยุกต์ใช้ปัญญาประดิษฐ์แบบรู้สร้าง (generative AI: GenAI) ผู้บริโภคมากกว่าครึ่ง (53%) รู้สึกสบายใจที่จะนำมาใช้สำหรับวางแผนโภชนาการและลดน้ำหนัก ขณะที่ 47% ใช้ GenAI สำหรับวางแผนและแนะนำเมนูอาหาร
แนะผู้ประกอบการปรับตัวเพื่อคว้าโอกาสจากมูลค่าที่เกิดจากการทำงานข้ามอุตสาหกรรม
นาย พิสิฐ ระบุว่า ปัจจุบันผู้บริโภคให้ความสำคัญกับผลิตภัณฑ์ที่มีราคาที่เหมาะสมและมีคุณประโยชน์ต่อสุขภาพ รวมถึงความสะดวกสบาย ธุรกิจจึงควรพัฒนากลยุทธ์การแข่งขันที่สมดุลระหว่างต้นทุนกับการตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค โดยเน้นการปรับปรุงผลิตภัณฑ์ เพิ่มคุณค่าทางโภชนาการและประโยชน์ต่อสุขภาพในราคาที่เข้าถึงได้
จากรายงานวิจัย 'Value in motion' โดย PwC ได้คาดการณ์ว่าระบบอาหารโลกจะได้รับการปฏิรูปครั้งสำคัญในช่วงทศวรรษหน้า โดยจะเปลี่ยนผ่านเข้าสู่โดเมนที่เรียกว่า 'how we feed' ซึ่งมีแนวโน้มที่จะก่อให้เกิดโอกาสทางธุรกิจใหม่ ๆ ทั้งนี้ PwC ประเมินว่าโดเมนดังกล่าวอาจสร้างมูลค่าเพิ่มรวม (gross value added: GVA) สูงถึง 10 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ภายในปี 2578 ผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมอาหารจึงควรพิจารณาการปรับโครงสร้างองค์กร ส่งเสริมการสร้างสรรค์นวัตกรรม และขยายความร่วมมือกับผู้ให้บริการที่มีเทคโนโลยีล้ำสมัย พร้อมเชื่อมโยงผลิตภัณฑ์และบริการไปยังหลากหลายภาคส่วน เช่น การดูแลสุขภาพ บริการทางการเงิน แอปพลิเคชันและแพลตฟอร์มการซื้อขายพันธมิตรด้านโลจิสติกส์ รวมถึงโซลูชันเทคโนโลยีที่ตอบโจทย์ความต้องการเฉพาะบุคคลของผู้บริโภค
"ผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมอาหารกำลังเผชิญกับความท้าทายที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นแรงกดดันจากห่วงโซ่อุปทานที่เพิ่มขึ้นหรืออัตรากำไรที่ลดลง ขณะเดียวกัน ผู้บริโภคก็ต้องการอาหารที่ดีต่อสุขภาพ สะดวกสบาย และเปิดรับการใช้เทคโนโลยีมากขึ้น ดังนั้น การจับมือกับพันธมิตรในระบบนิเวศและซัพพลายเออร์จึงกลายเป็นทางเลือกสำคัญ ที่จะช่วยให้ธุรกิจไทยสามารถพัฒนาแนวทางใหม่ ๆ เพื่อเพิ่มอัตรากำไร ลดต้นทุน ตอบโจทย์ความต้องการด้านสุขภาพและความสะดวกสบายของลูกค้า" เขากล่าว