
กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม หรือดีพร้อม (DIPROM) ร่วมกับองค์การสภาพัฒนาการค้าฮ่องกง (Hong Kong Trade Development Council : HKTDC) นำทัพผู้ประกอบการแฟชั่นไทย 20 ราย ร่วมงาน CENTRESTAGE 2025 ระหว่างวันที่ 3 - 6 กันยายน 2568 ณ Hong Kong Convention and Exhibition Center พร้อมเปิดพื้นที่แสดงศักยภาพซอฟต์พาวเวอร์แฟชั่นไทย เพื่อสร้างโอกาสนำเสนอสินค้าและนวัตกรรมต่อสายตาผู้ซื้อ นักธุรกิจ และผู้เชี่ยวชาญแฟชั่นจากนานาประเทศ อันจะช่วยสร้างโอกาสในการเจรจาธุรกิจ เกิดการจับคู่ธุรกิจ และขยายเครือข่ายทางการตลาดได้อย่างกว้างขวาง ซึ่งคาดสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจได้กว่า 20 ล้านบาท

นางดวงดาว ขาวเจริญ รองอธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า งาน CENTRESTAGE 2025 ถือเป็นเวทีแสดงสินค้าแฟชั่นและไลฟ์สไตล์ระดับนานาชาติที่รวบรวมผู้ซื้อ นักลงทุน และผู้เชี่ยวชาญจากทั่วโลกมาพบปะและเจรจาธุรกิจ รวมถึงผู้ประกอบการไทย ซึ่งในปีนี้ไม่เพียงเป็นการโชว์ศักยภาพด้านแฟชั่นและการออกแบบ แต่ยังเป็นโอกาสสำคัญในการขยายตลาด เชื่อมโยงผู้ประกอบการไทยกับฐานลูกค้าใหม่ในต่างประเทศ และสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจอีกด้วย โดย กระทรวงอุตสาหกรรม มอบหมายให้ กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม หรือดีพร้อม (DIPROM) นำทัพผู้ประกอบการไทยเข้าร่วมแสดงศักยภาพซอฟต์พาวเวอร์แฟชั่นไทย ระหว่างวันที่ 3 - 6 กันยายน 2568 ณ Hong Kong Convention and Exhibition Center ประเทศฮ่องกง เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการไทยได้เชื่อมโยงเครือข่ายการค้ากับนักลงทุนและคู่ค้าต่างชาติ พร้อมผลักดันการสร้างมูลค่าการค้าและการส่งออกสินค้าแฟชั่นไทยสู่ตลาดโลก ซึ่งคาดว่าจะสามารถสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจกว่า 20 ล้านบาท
กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม หรือดีพร้อม (DIPROM) ภายใต้การบริหารงานของ นางสาวณัฏฐิญา เนตยสุภา อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม มุ่งยกระดับศักยภาพผู้ประกอบการในทุก ๆ มิติอย่างตรงจุด ตามนโยบาย "ดีพร้อมคอมมูนีตี้ ที่นี่มีแต่ให้" ด้วยกลยุทธ์ให้โอกาสโตไกลโดยเน้นการสร้างเครือข่ายผู้ประกอบการไทยให้สามารถต่อยอดศักยภาพการผลิตและงานออกแบบไปสู่ตลาดสากล ผ่านการเข้าร่วมงาน CENTRESTAGE 2025 ซึ่งดีพร้อมได้ร่วมกับองค์การสภาพัฒนาการค้าฮ่องกง (Hong Kong Trade Development Council : HKTDC) นำทัพผู้ประกอบการไทยจากการพัฒนาและเชื่อมโยงเครือข่ายบุคลากรอุตสาหกรรมแฟชั่น (Fashion Alliance) และการส่งเสริมซอฟต์พาวเวอร์สาขาแฟชั่น จำนวน 20 ราย ทั้ง 3 สาขา ได้แก่ เสื้อผ้าและเครื่องแต่งกาย อัญมณีและเครื่องประดับ และหัตถอุตสาหกรรม โดยผู้เข้าร่วมงานจะใช้แพลตฟอร์มระดับนานาชาติในการนำเสนอสินค้าแฟชั่นและไลฟ์สไตล์ต่อยอดซอฟต์พาวเวอร์แฟชั่นไทย เพื่อสร้างเอกลักษณ์และความแตกต่าง พร้อมเปิดโอกาสการขยายตลาดและสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจในระดับสากล
นางดวงดาว ขาวเจริญ รองอธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม กล่าวต่อว่า สำหรับไฮไลต์สำคัญของปีนี้ คือ การนำผลงานแฟชั่นไทย ภายใต้แนวคิด "Thai Fashion Identity - Soft Power to Global Stage" เข้าร่วมเดินแฟชั่นโชว์บนเวทีหลักจากนักออกแบบและผู้ประกอบการแฟชั่นกว่า 10 แบรนด์ อาทิ แบรนด์เสื้อผ้าแฟชั่นร่วมสมัย งานคราฟต์จากชุมชนท้องถิ่น และแฟชั่นรักษ์โลก (Sustainable Fashion) ซึ่งผสานอัตลักษณ์วัฒนธรรมไทย ไม่ว่าจะเป็น ลวดลายผ้าไทยและงานหัตถกรรมพื้นถิ่นเข้ากับดีไซน์สมัยใหม่จนได้รับความสนใจจากผู้ซื้อและสื่อมวลชนต่างประเทศอย่างกว้างขวาง นับเป็นเวทีสำคัญที่เชื่อมตลาดแฟชั่นไทยโดยมีนักออกแบบและผู้ประกอบการแฟชั่นแบรนด์จากหลายภูมิภาคเข้าร่วมงานกว่า 260 แบรนด์ จาก 24 ประเทศ ถือว่ามีแบรนด์เข้าร่วมมากที่สุดนับตั้งแต่จัดงานมา ทั้งนี้ ผู้ประกอบการสามารถนำข้อคิดและแบบอย่างจากโชว์ต่าง ๆ ไปพัฒนาผลิตภัณฑ์ของตนเองให้ตอบโจทย์ตลาดแฟชั่นระดับภูมิภาคมากยิ่งขึ้น
นอกจากการเข้าร่วมงานแสดงสินค้าแล้ว คณะผู้แทนจากดีพร้อมยังเข้าพบปะผู้บริหารระดับสูงของ HKTDC เพื่อหารือแนวทางการเสริมสร้างความร่วมมือเชิงลึกในการสนับสนุนผู้ประกอบการ SMEs ไทย รวมทั้งการพัฒนาโครงการร่วมกันในอนาคต อาทิ การประชาสัมพันธ์สินค้า การแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ และการเปิดตลาดในต่างประเทศที่มุ่งผลักดันการเติบโตของเศรษฐกิจไทยอย่างสมดุลและยั่งยืน ซึ่งที่ผ่านมาความร่วมมือระหว่าง ดีพร้อม และ HKTDC สามารถสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจแก่ผู้ประกอบการไทยได้หลายสิบล้านบาท เช่น งาน Hong Kong Fashion Week, Hong Kong Food Expo และ CENTRESTAGE เป็นต้น ซึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากผู้ซื้อและนักลงทุนในระดับนานาชาติ ทั้งนี้ ดีพร้อมได้นำนโยบายอุตสาหกรรมเศรษฐกิจที่เติบโตอย่างยั่งยืนคู่ชุมชน และดีพร้อมคอมมูนิตี้ (DIPROM Community) มาขับเคลื่อนการดำเนินงานโดยมุ่งเน้นการสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่ผู้ประกอบการ SMEs ไทย และวิสาหกิจชุมชนผ่านการบูรณาการซอฟต์พาวเวอร์และทุนทางวัฒนธรรมเข้ากับอุตสาหกรรมสร้างสรรค์
นอกจากนี้ ผู้ประกอบการยังได้ศึกษาดูงานศูนย์กลางความคิดสร้างสรรค์และการออกแบบร่วมสมัยที่มีชื่อเสียงของฮ่องกง (PMQ Hong Kong) สามารถเรียนรู้แนวทางการพัฒนาพื้นที่สร้างสรรค์และการบริหารจัดการศูนย์ออกแบบที่ประสบความสำเร็จระดับนานาชาติ ทั้งในด้านการจัดนิทรรศการ การจัดเวิร์กช็อป และการสร้างเครือข่ายศิลปินและนักออกแบบรุ่นใหม่ รวมถึงผู้ประกอบการไทยสามารถนำแนวคิดนี้มาประยุกต์ใช้ในการพัฒนาศูนย์สร้างสรรค์และงานออกแบบในประเทศ เพิ่มโอกาสทางธุรกิจและการลงทุนด้านอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ตลอดจนสามารถเรียนรู้แนวคิดการพัฒนางานออกแบบเครื่องประดับและศิลปะร่วมสมัยจาก L'ECOLE Asia Pacific, School of Jewelry Arts ในด้านมาตรฐานการออกแบบเครื่องประดับระดับสากล เทคนิคการสร้างสรรค์ชิ้นงานและแนวคิดการตลาดเชิงดีไซน์ ซึ่งสามารถนำมาปรับใช้กับการผลิตและออกแบบสินค้าแฟชั่นและเครื่องประดับของไทยทำให้สามารถแข่งขันในตลาดโลกได้
"การพาผู้ประกอบการไทยเข้าร่วมงาน CENTRESTAGE 2025 ครั้งนี้ ไม่เพียงเป็นการผลักดันสินค้าแฟชั่นและงานดีไซน์ไทยให้เป็นที่รู้จัก แต่ยังเป็นการต่อยอดซอฟต์พาวเวอร์ไทย สร้างอัตลักษณ์ที่แตกต่างและมีคุณค่าเพื่อแข่งขันในตลาดโลก โดยดีพร้อมร่วมกับเครือข่ายพันธมิตรระหว่างประเทศอย่าง HKTDC เพื่อสนับสนุนผู้ประกอบการไทยให้ก้าวสู่ความสำเร็จในระดับสากลอย่างยั่งยืน" นางดวงดาว กล่าวทิ้งท้าย