
นางธัญนภัส มณีศรี ผู้อำนวยการเขตคลองสามวา กทม. กล่าวกรณีมีข้อร้องเรียนจากประชาชนพบการเผาตอซังข้าวบริเวณซอยวัดสุขใจว่า สำนักงานเขตฯ ได้ดำเนินการแก้ไขปัญหามาอย่างต่อเนื่อง ทั้งการกวดขัน การรณรงค์ประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อสังคมออนไลน์ และการลงพื้นที่พบปะเกษตรกรเพื่อสร้างความเข้าใจร่วมกัน โดยออกมาตรการงดการเผาตอซังข้าว ฟางข้าว หญ้า วัชพืช และขยะอื่น ๆ เพื่อลดปัญหาหมอกควันและฝุ่นละออง PM2.5 รณรงค์ให้เกษตรกรปรับเปลี่ยนวิธีการจัดการแทนการเผา เช่น การไถกลบตอซัง การนำฟาง ไปแปรรูปผลิตเป็นปุ๋ยอินทรีย์และปุ๋ยหมัก เพื่อลดการใช้ปุ๋ยเคมี รวมถึงการอัดฟางเป็นก้อน เพื่อจัดจำหน่ายสร้างรายได้ หรือแปรรูปเป็นอาหารสัตว์ ซึ่งเป็นไปตามนโยบายรณรงค์ลดการเผาตอซังและฟางข้าวของ กทม. ที่มีเป้าหมายลดพื้นที่เผาให้เป็นศูนย์ภายในปี 2569 โดยการสนับสนุนการใช้รถอัดฟางให้แก่เกษตรกร การส่งเสริมการใช้จุลินทรีย์ย่อยสลายตอซังและฟางข้าวที่ได้รับการสนับสนุนจากกรมวิชาการเกษตรและกรมพัฒนาที่ดิน การเฝ้าระวัง (Monitor) และติดตามจุดความร้อน (Hot Spot) จากระบบ NASA Firm Information for Resource Management System ในพื้นที่เกษตรร่วมกับสำนักสิ่งแวดล้อม (สสล.) แบบ Real time หากพบว่า มีจุดความร้อน จะประสานสำนักงานเขตเข้าระงับเหตุทันทีและรายงานผล พร้อมทั้งลงพื้นที่จัดอบรมให้ความรู้แก่เกษตรกรอย่างต่อเนื่องเกี่ยวกับการทำปุ๋ยหมัก น้ำหมักจุลินทรีย์ การเพาะเห็ดฟาง และการใช้ประโยชน์จากฟางในรูปแบบอื่น ๆ
อย่างไรก็ตาม สำนักงานเขตฯ จะเพิ่มความถี่กวดขันและการรณรงค์ประชาสัมพันธ์ในช่วงฤดูกาลหลังการเก็บเกี่ยว เพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาดังกล่าว พร้อมขอให้ประชาชนตรวจสอบข้อมูลคุณภาพอากาศก่อนออกจากบ้านผ่านทางแอปพลิเคชัน AirBKK เว็บไซต์ www.airbkk.com และช่องทางสื่อออนไลน์ของ กทม. อาทิ เพจเฟซบุ๊กสำนักสิ่งแวดล้อม กรุงเทพมหานคร เพจเฟซบุ๊กกองจัดการคุณภาพอากาศและเสียง สำนักสิ่งแวดล้อม และเพจเฟซบุ๊กกรุงเทพมหานคร และ LINE ALERT (@linealert) เพื่อวางแผนการทำงาน หรือทำกิจกรรมกลางแจ้งอย่างเหมาะสม โดยเฉพาะเมื่อคุณภาพอากาศอยู่ในระดับที่เริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ ทั้งนี้ ขอความร่วมมือประชาชนช่วยกันสอดส่องไม่ให้มีการเผาหญ้าแห้ง หรือขยะข้างทาง เพื่อป้องกันอัคคีภัย หากพบเห็นเหตุเพลิงไหม้สามารถแจ้งสายด่วน 199 หรือฝ่ายเทศกิจ เขตคลองสามวา โทร. 0 2548 0331 ได้ทันที