
ในยุคสังคมไร้เงินสด ผู้คนต่างพากันใช้บัตรเดบิต บัตรเอทีเอ็ม และบัตรเครดิต เพื่อความสะดวกสบายในการทำธุรกรรม ทั้งการเบิกเงินสดหรือการโอนเงินเพื่อซื้อสิ่งของที่จำเป็น เพื่อใช้แทนการพกเงินสดจำนวนมาก แต่การมีบัตรหลายประเภทก็ทำให้หลายคนเกิดความสับสนว่า บัตรเดบิตกับบัตรเอทีเอ็มต่างกันอย่างไร หรือบัตรเดบิตกับบัตรเครดิต ต่างกันอย่างไร? วันนี้ fintips by ttb #เรื่องเงินที่รู้จริงแบบเพื่อนที่รู้ใจ จึงชวนมาทำความรู้จักให้ชัด ว่าแต่ละบัตรมีการใช้งานอย่างไรให้ถูกประเภทและคุ้มค่า
ทำความรู้จักแต่ละบัตรให้ชัดเจนว่าใช้งานอย่างไร?
- เบิกเงินสด : นำบัตรเอทีเอ็มไปสอดเข้าตู้เอทีเอ็ม แล้วป้อนรหัสผ่าน เพื่อเบิกเงินสดตามที่ต้องการ
- ตรวจสอบยอดเงิน : สามารถตรวจสอบยอดเงินคงเหลือในบัญชีผ่านตู้เอทีเอ็มได้
- รูดซื้อสินค้า : สามารถนำบัตรเดบิตไปรูดซื้อสินค้าหรือบริการได้ตามปกติ
- เบิกเงินสด : นำบัตรเดบิตไปเบิกเงินสดจากตู้เอทีเอ็มได้
- ชำระค่าบริการ : ใช้ชำระค่าสินค้าหรือบริการผ่านช่องทางออนไลน์ได้
- รูดซื้อสินค้า : สามารถนำบัตรเครดิตไปรูดซื้อสินค้าหรือบริการได้
- ผ่อนชำระสินค้า : มีร้านค้ามากมายที่สามารถใช้บัตรเครดิตผ่อนชำระสินค้า ดอกเบี้ย 0%
- เบิกเงินสด : สามารถเบิกเงินสดได้ แต่ต้องระวังเรื่องค่าธรรมเนียมเพิ่มเติม
สรุปให้แล้วแต่ละบัตรต่างกันอย่างไร? และเหมาะกับใคร!
แม้ว่าจะรู้จักรายละเอียดของแต่ละบัตรกันอย่างดีแล้ว แต่หลายคนอาจจะยังสับสนว่าบัตรเดบิตกับบัตรเอทีเอ็มต่างกันอย่างไร และบัตรเครดิตกับบัตรเอทีเอ็มเหมือนกันไหม? โดยสรุปพบว่าต่างกัน ดังนี้
การใช้งาน
- บัตรเครดิต : ใช้ซื้อสินค้าและบริการทั้งในร้านค้าออนไลน์และออฟไลน์ โดยการใช้วงเงินจากธนาคาร แล้วค่อยชำระคืนในภายหลัง
- บัตรเดบิต : ใช้ซื้อสินค้าและบริการ หรือถอนเงินสดจากตู้เอทีเอ็ม โดยจะถูกหักเงินจากบัญชีเงินฝากทันที อีกทั้งปัจจุบันยังมีวิธีการใช้บัตรเดบิตออนไลน์ที่ทำให้เราสะดวกมากยิ่งขึ้น
- บัตรเอทีเอ็ม : ใช้ถอนเงินสดจากตู้เอทีเอ็ม และตรวจสอบยอดเงินในบัญชี
การชำระเงิน
- บัตรเครดิต : ชำระเงินคืนตามรอบบิลที่กำหนด ซึ่งอาจมีการผ่อนชำระตามความสะดวก
- บัตรเดบิต : ไม่มีการผ่อนชำระ เนื่องจากเป็นการใช้เงินที่มีในบัญชีเพียงเท่านั้น
- บัตรเอทีเอ็ม : ไม่สามารถใช้ในการชำระสินค้าและบริการได้
การคิดดอกเบี้ย
- บัตรเครดิต : หากไม่ชำระเต็มจำนวนในช่วงเวลาที่กำหนด จะมีการคิดดอกเบี้ยตามอัตราที่ธนาคารกำหนด
- บัตรเดบิต : ไม่มีการคิดดอกเบี้ย เนื่องจากการใช้เงินที่มีในบัญชีเพียงเท่านั้น ซึ่งเป็นหนึ่งในความต่างของบัตรเดบิตและบัตรเครดิต
- บัตรเอทีเอ็ม : ไม่มีการคิดดอกเบี้ยเนื่องจากเป็นการใช้เงินที่มีในบัญชีเพื่อการถอนเงินเท่านั้น
สิทธิประโยชน์
- บัตรเครดิต : มักมีสิทธิประโยชน์เพิ่มเติม เช่น คะแนนสะสม ส่วนลดพิเศษ และประกันการเดินทาง
- บัตรเดบิต : รูดใช้จ่ายได้เช่นกัน และในปัจจุบันสิทธิประโยชน์เทียบเท่ากับบัตรเครดิตแล้ว
- บัตรเอทีเอ็ม : ไม่มีสิทธิประโยชน์พิเศษ และไม่สามารถใช้ซื้อของหรือการทำธุรกรรมออนไลน์
เอกสารที่ต้องใช้สมัครบัตรต่าง ๆ มีอะไรบ้าง
การสมัครบัตรต่าง ๆ ต้องใช้เอกสารประกอบ เพื่อยืนยันตัวตนและข้อมูลส่วนบุคคลของผู้สมัคร ซึ่งเอกสารที่ต้องใช้ในการสมัครบัตรแต่ละประเภทอาจแตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับธนาคารและประเภทของบัตรที่ต้องการสมัคร ไปดูกันว่าเอกสารที่ใช้แตกต่างกันอย่างไร
บัตรเดบิตกับบัตรเอทีเอ็มแบบไหนที่ใช่สำหรับลูกค้าธนาคาร
บัตรเดบิตและบัตรเอทีเอ็มแม้จะมีความคล้ายคลึงกัน แต่รายละเอียดการใช้งานจะต่างกัน หากต้องการบัตรที่ใช้สำหรับกดเงินสดเป็นหลัก เลือกใช้บัตรเอทีเอ็มก็เพียงพอแล้ว และหากต้องการบัตรที่ใช้จ่ายได้หลากหลายและควบคุมการเงินได้ดี บัตรเดบิตเป็นตัวเลือกที่ดีกว่า สำหรับใครที่ยังไม่รู้ว่าจะสมัครบัตรกับธนาคารไหนดี บัตรเดบิต ttb all free เป็นหนึ่งตัวเลือกที่ดี เพราะไม่เสียค่าธรรมเนียมทุกการกด โอน จ่าย เติม ทุกตู้เอทีเอ็ม สามารถใช้จ่ายได้สะดวกทุกที่ ทุกเวลาทั่วโลก และมีสิทธิประโยชน์ที่คุ้มค่าทุกการใช้จ่ายไม่ว่าจะเป็น
- ใช้จ่ายต่างประเทศ ฟรี FX Rate 2.5% ใช้จ่ายได้ทุกสกุลเงิน ทั่วโลก
- ส่วนลดสูงสุด 20% จากร้านอาหาร และจองที่พักชั้นนำทั่วประเทศ (เงื่อนไขเป็นไปตามที่ธนาคารกำหนด)
- ฟรี DCC 1% ค่าธรรมเนียมเปลี่ยนแปลงสกุลเงินไทย
มาถึงตรงนี้คงทราบถึงประโยชน์ของแต่ละบัตรกันอย่างละเอียดแล้ว ทีนี้ก็สามารถเลือกใช้งานได้อย่างคุ้มค่า และเลือกใช้ให้เหมาะกับไลฟ์สไตล์ ไม่ว่าจะสายกด สายรูด หรือสายช้อปออนไลน์ เพื่อให้มีชีวิตทางการเงินสะดวก สบายและคุ้มค่ากับทุกการใช้จ่าย
คลิกเพื่ออ่านบทความฉบับเต็มได้ที่ https://www.ttbbank.com/th/fin-tips/detail/deposits-debit-vs-atm-card หรือ ติดตามเคล็ดลับการเงินอื่น ๆ จาก "fintips by ttb" เรื่องเงินที่รู้จริงแบบเพื่อนที่รู้ใจ คลิก https://www.ttbbank.com/link/fintips-pr