
บริษัท เทคลีด เอ็นพีเอ็น จำกัด (มหาชน) หรือ TL จัดการประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 2/2568 ในวันที่ 12 กันยายน 2568 โดยที่ประชุมมีมติอนุมัติการเพิ่มทุนจดทะเบียนรวมมูลค่าทั้งสิ้น 2,424,329,766 บาท เพื่อเสริมสร้างศักยภาพทางธุรกิจ รองรับการขยายการลงทุนในเทคโนโลยีใหม่ๆ และต่อยอดการเติบโตตามแผนกลยุทธ์ทั้งระยะสั้นและระยะยาว โดยมีเป้าหมายมุ่งสู่การเป็น ศูนย์กลางธุรกิจดิจิทัลแพลตฟอร์มของประเทศไทย
โดยการเพิ่มทุนครั้งนี้ประกอบด้วยการออกหุ้นสามัญเพิ่มทุนแบบเฉพาะเจาะจงให้บุคคลในวงจำกัด (Private Placement) จำนวน 1,051,974,636 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท ในราคาเสนอขาย 0.41 บาทต่อหุ้น รวมเป็นมูลค่า 431,309,600.76 บาท พร้อมหุ้นสามัญเพิ่มทุนเพื่อรองรับการใช้สิทธิตามใบสำคัญแสดงสิทธิ TPL-W2 จำนวน 949,875,357 หุ้น และหุ้นสามัญเพิ่มทุนแบบมอบอำนาจทั่วไป (General Mandate) เพื่อเสนอขายให้แก่บุคคลในวงจำกัดอีก 422,479,773 หุ้น โดยทั้งหมดมีมูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาทเท่ากัน
นายอิศรา เรืองสุขอุดม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เทคลีด เอ็นพีเอ็น จำกัด (มหาชน) เผยว่า "การเพิ่มทุนครั้งนี้ไม่เพียงเป็นการเสริมสภาพคล่องและความแข็งแกร่งทางการเงินของบริษัท เทคลีด เอ็นพีเอ็น จำกัด (มหาชน) เท่านั้น แต่ยังเป็นก้าวสำคัญในการต่อยอดโอกาสการลงทุนในเทคโนโลยีใหม่ ๆ ที่เป็นตัวขับเคลื่อนการเติบโตให้กับเราอย่างยั่งยืน จากการลงทุนในครั้งนี้ โดย บริษัทฯ ตั้งเป้าหมายระยะยาวสู่การเป็น "ศูนย์กลางนวัตกรรมดิจิทัลของไทย" ภายในปี 2034 โดยเน้นการสร้างรากฐานองค์กรที่มั่นคง การวางโครงสร้างพื้นฐานด้านเทคโนโลยี และการเชื่อมโยงพันธมิตรระดับชั้นนำ เพื่อให้ประเทศไทยก้าวสู่อนาคตดิจิทัลได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน"
ปัจจุบัน TL ดำเนินธุรกิจครอบคลุมตั้งแต่ระบบรับชำระเงินออนไลน์ (Payment Gateway Solution) ภายใต้บริษัท เพย์จีนิกซ์ จำกัด (PAY GENIX) ที่ให้บริการโซลูชันทางการเงินอัจฉริยะ รองรับธุรกรรมจำนวนมากอย่างปลอดภัยและรวดเร็ว, ธุรกิจสื่อเทคโนโลยีที่ช่วยเชื่อมโยงแบรนด์กับผู้บริโภคในยุคดิจิทัล, การลงทุนในแพลตฟอร์มตลาดซื้อขายที่สนับสนุนการเติบโตของอีคอมเมิร์ซ และธุรกิจพัฒนาซอฟต์แวร์เฉพาะทางที่ยกระดับความสามารถการแข่งขันให้กับอุตสาหกรรมต่าง ๆ
ในอนาคต TL วางเป้าหมายขับเคลื่อนการลงทุนในเทคโนโลยีใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่อง มุ่งเน้นการขยายธุรกิจดิจิทัลแพลตฟอร์มและเสริมสร้างพันธมิตรเชิงกลยุทธ์ โดยให้ความสำคัญกับการพัฒนานวัตกรรมที่ตอบโจทย์ความต้องการและแก้ไข Pain Point ของผู้บริโภคเป็นหัวใจหลัก เพื่อสร้างคุณค่าและประสบการณ์ที่ดียิ่งขึ้น ควบคู่ไปกับการปักหมุดสู่การเป็นศูนย์กลางนวัตกรรมดิจิทัลของไทย และผลักดันประเทศ สู่เศรษฐกิจดิจิทัลที่เติบโตอย่างยั่งยืน