
บริษัท พีเอสพี สเปเชียลตี้ส์ จำกัด (มหาชน) หรือ PSP ประกาศยกระดับการดำเนินงานด้านสิ่งแวดล้อมพร้อม ภายใต้กลยุทธ์ ESG เพื่อขับเคลื่อนองค์กรสู่ความยั่งยืนอย่างเป็นรูปธรรม โดยเฉพาะด้านการจัดการสิ่งแวดล้อมในทุกมิติ พร้อมตัวชี้วัดชัดเจนในทุกมิติ ทั้งด้านทรัพยากร พลังงาน และของเสีย อาทิ ลดการใช้พลังงาน 5% ภายในปี 2570 ลดการใช้น้ำ 5% และลดการฝังกลบอุตสาหกรรมเป็น 0 ภายในปี 2572 ผ่าน 3 โครงการ คือ โครงการสำนักงานสีเขียว โครงการจัดการขยะครบวงจร ที่ใช้หลัก 4Rs: Reduce, Reuse, Recycle และ Circular Economy รวมทั้งโครงการเทคโนโลยีพลังงานสะอาดและการจัดการน้ำ นับเป็นกลยุทธ์ที่ไม่เพียงตอบโจทย์การเติบโตทางธุรกิจ แต่ยังยกระดับ PSP ให้เป็นหนึ่งในผู้นำอุตสาหกรรมที่เดินหน้าสู่ Zero Landfill ภายในปี 2572 และ Net Zero ภายในปี 2593
นายเสกสรร ครองพาณิชย์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พีเอสพี สเปเชียลตี้ส์ จำกัด (มหาชน) หรือ PSP เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้ดำเนินธุรกิจควบคู่กับการจัดการด้านสิ่งแวดล้อมภายใต้กลยุทธ์ ESG อย่างจริงจัง เพื่อตอกย้ำเจตนารมณ์ในการขับเคลื่อนองค์กรสู่ความยั่งยืนอย่างเป็นรูปธรรม ด้วยการประกาศนโยบายสิ่งแวดล้อมและกำหนดตัวชี้วัด (KPI) ที่ชัดเจน ครอบคลุมทั้งการจัดการพลังงาน น้ำ ของเสีย ความหลากหลายทางชีวภาพ และการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก อาทิ ลดการใช้พลังงานลง 5% ภายในปี 2570 หรือคิดเป็นประมาณ 1.2 ล้านกิโลวัตต์ชั่วโมงต่อปี ลดการใช้น้ำลง 5% ภายในปี 2572 เทียบเท่าการประหยัดน้ำได้กว่า 8.93 ล้านลิตรต่อปี เพิ่มพื้นที่สีเขียวมากกว่า 3,000 ต้น เมื่อเทียบกับปีฐาน 2566 รวมถึงการมุ่งสู่ Zero Landfill หรือบริหารจัดการขยะฝังกลบเป็นศูนย์ ภายในปี 2572 และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลงต่อเนื่อง ซึ่งในปีที่ผ่านมา PSP สามารถลดการปล่อย CO? ได้แล้วกว่า 213 ตัน หรือคิดเป็นสัดส่วน 2.83%
การขับเคลื่อนทั้งหมดนี้ดำเนินผ่าน 3 โครงการหลัก ได้แก่ โครงการ PSP Greenergy Challenge สอดคล้องต่อนโยบายสำนักงานสีเขียว (Green Office) ที่ส่งเสริมให้พนักงานปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการทำงานให้เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ลดการใช้ไฟฟ้าได้ 12% ลดการใช้น้ำมันเชื้อเพลิง 3% ลดการใช้น้ำ 3% ลดการใช้กระดาษ 45% และลดก๊าซเรือนกระจกได้ 9% ภายในปี 2572 โครงการ Waste Management & Recycling ที่เน้นจัดการขยะครบวงจร โดยใช้หลัก 4Rs และแนวคิดระบบเศรษฐกิจหมุนเวียน หรือ Circular Economy เพื่อลดปริมาณของเสียที่ต้องฝังกลบ และโครงการ Energy & Clean Technology ที่มุ่งลดการใช้พลังงาน และเพิ่มสัดส่วนพลังงานสะอาด ผ่านการติดตั้งพลังงานแสงอาทิตย์ขนาด 1.1 เมกะวัตต์ ซึ่งสามารถผลิตไฟฟ้าได้กว่า 1.2 ล้านหน่วยต่อปี ลดการปล่อยก๊าซ CO? ได้ 600 ตันต่อปี ควบคู่กับการปรับปรุงระบบเผาไหม้น้ำมันเตาและระบบจัดการอากาศในโรงงานให้ได้มาตรฐานสิ่งแวดล้อม รวมถึงการบำบัดน้ำอุตสาหกรรมให้อยู่ในเกณฑ์ที่ปลอดภัยก่อนปล่อยคืนสู่สิ่งแวดล้อม
นายเสกสรร กล่าวเพิ่มเติมว่า สิ่งที่ PSP มุ่งทำไม่ใช่เพียงการบรรลุเป้าหมายเชิงตัวเลขด้านสิ่งแวดล้อม แต่เป็นการปลูกฝังให้การจัดการสิ่งแวดล้อมกลายเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมองค์กรอย่างแท้จริง โดยทุกคนในองค์กรตั้งแต่ผู้บริหารจนถึงพนักงานระดับปฏิบัติการต่างปฏิบัติเพื่อร่วมผลักดันสู่เป้าหมายตามตัวชี้วัดจนเป็นส่วนหนึ่งของทัศนคติในการทำงาน นับเป็นการสร้างการเปลี่ยนแปลงเชิงบวกอย่างต่อเนื่องและยั่งยืน ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความตั้งใจของ PSP ที่จะขับเคลื่อนธุรกิจและสิ่งแวดล้อมไปพร้อมกันอย่างสมดุล
นอกจากการขับเคลื่อนภายในองค์กรที่สอดคล้องกับหนึ่งในกลยุทธ์หลักในการขับเคลื่อนแผนงานของบริษัทฯ คือ การเป็นผู้นำที่ยั่งยืน (Sustained leadership) ด้วยกลยุทธ์ ESG แล้ว PSP ยังผลักดันในการขยายพอร์ตธุรกิจสีเขียวของบริษัทฯ ให้สอดรับกับกลยุทธ์ดังกล่าว และเป็นการต่อยอดศักยภาพด้าน Circular Economy รวมถึงกลยุทธ์ด้าน Green Industry ด้วยการเข้าถือหุ้น 100% ในบริษัท รีไซเคิล เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด หรือ RE เมื่อกลางปีนี้ นับเป็นการตอกย้ำบทบาทของ PSP ในฐานะผู้นำที่ไม่เพียงสร้าง Operational Efficiency ให้กับธุรกิจ แต่ยังสร้าง Value Creation ให้กับผู้ถือหุ้น คู่ค้า และสังคม ด้วยการขับเคลื่อนองค์กรสู่อนาคตที่ "เติบโตอย่างยั่งยืน และยืนหนึ่งในอุตสาหกรรมสีเขียว" อย่างแท้จริง นายเสกสรร กล่าวทิ้งท้าย