นายอภิชาต แสนมาโนช ผู้อำนวยการเขตราชเทวี กทม. กล่าวถึงความคืบหน้าการตรวจสอบสาเหตุกรณีเกิดอุบัติเหตุรถขยะเสียหลักชนเสาไฟฟ้าบริเวณซอยเทพรักษ์ 52 ทำให้มีร้านค้าและเสาไฟฟ้าเสียหายว่า เหตุดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อเวลาประมาณ 04.00 น. ของวันที่ 5 ต.ค. 68 เกิดอุบัติเหตุรถเก็บขนมูลฝอยเสียหลักชนเสาไฟฟ้าและร้านค้าบริเวณซอยเทพรักษ์ 52 ถนนเทพรักษ์ ใกล้บริเวณสะพานข้ามคลองลำผักชีและสะพานข้ามคลองหนองบัวบาน ทำให้เสาไฟฟ้าและร้านค้าใกล้เคียงได้รับความเสียหาย จากการสอบถามพนักงานขับรถในเบื้องต้น ทราบว่าสภาพอากาศในช่วงเวลาดังกล่าวมีฝนตก ถนนลื่น และแสงสว่างไม่เพียงพอ ทำให้ทัศนวิสัยการมองเห็นไม่ชัดเจนส่งผลกระทบต่อการขับขี่ ทำให้พนักงานขับรถเก็บขนมูลฝอยเสียการควบคุมรถจนเกิดอุบัติเหตุ ซึ่งสำนักงานเขตฯ โดยฝ่ายรักษาความสะอาดและสวนสาธารณะ จะได้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงที่ละเอียดชัดเจนโดยเร็ว
ส่วนความเสียหายที่เกิดขึ้นจะประสานการไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) และผู้ประกอบการร้านค้าที่ได้รับความเสียหาย เพื่อประเมินค่าเสียหายและพิจารณาชดใช้ให้เหมาะสมต่อไป ทั้งนี้ สำนักงานเขตฯ ตระหนักถึงความสำคัญของความปลอดภัยการให้บริการเก็บขนมูลฝอยและได้ดำเนินมาตรการควบคุมกำกับอย่างต่อเนื่อง โดยมีการประชุมอบรมลูกจ้างประจำและลูกจ้างชั่วคราวของฝ่ายรักษาความสะอาดฯ อย่างสม่ำเสมอ เพื่อเน้นย้ำแนวทางการปฏิบัติงานอย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะการขับขี่ยานพาหนะให้เป็นไปตามกฎจราจรและรักษามารยาทในการขับขี่อย่างปลอดภัย รวมถึงยังได้ควบคุมพฤติกรรมการขับขี่ผ่านระบบ GPS หากตรวจพบการใช้ความเร็วเกินที่กำหนด สำนักสิ่งแวดล้อม (สสล.) จะแจ้งเตือนมายังผู้อำนวยการเขต เพื่อพิจารณามาตรการทางวินัย อบรมตักเตือน หรือดำเนินการลงโทษตามความเหมาะสมต่อไป
นางสาววรนุช สวยค้าข้าว รองผู้อำนวยการสำนักสิ่งแวดล้อม (สสล.) กทม. รักษาราชการแทน ผอ.สสล. กล่าวว่า สสล. ได้ประสานสำนักงานเขตราชเทวี ตรวจสอบสาเหตุกรณีเกิดอุบัติเหตุรถขยะเสียหลักชนเสาไฟฟ้าบริเวณซอยเทพรักษ์ 52 ถนนเทพรักษ์ สะพานข้ามคลองลำผักชี สะพานข้ามคลองหนองบัวบาน จนเป็นเหตุให้ร้านค้าและเสาไฟฟ้าเสียหาย โดยได้ติดตามตรวจสอบข้อเท็จจริงจากพนักงานขับรถคันดังกล่าวและผู้ที่ได้รับผลกระทบทั้ง กฟน. และร้านค้า ซึ่งได้ประเมินค่าเสียหายและดำเนินการเยียวยาต่อไป
ทั้งนี้ กทม. ได้กำหนดมาตรการควบคุมรถเก็บขนมูลฝอยของ กทม. และจัดประชุมทบทวนการปฏิบัติงานอย่างปลอดภัยในการขับรถอย่างระมัดระวัง ห้ามดื่มแอลกอฮอล์และเสพยาเสพติด ไม่กระทำผิดกฎหมายจราจร หรือสร้างความเดือดร้อน เช่น เปลี่ยนช่องจราจรกะทันหัน ขับแช่อยู่ในช่องขวาสุดตลอดเส้นทาง หรือบริเวณทางโค้ง ทางแคบต้องลดความเร็ว ไม่เร่งเครื่อง หรือบีบแตรเป็นเวลานานช่วงกลางคืน ตรวจเช็ครถยนต์ก่อนใช้งาน นำรถตรวจสภาพบำรุงรักษาตามรอบเวลา เพื่อป้องกันการเกิดอุบัติเหตุ รวมถึงกำหนดความเร็วในการใช้รถเก็บขนมูลฝอยไม่เกิน 60 กิโลเมตร/ชั่วโมง และในพื้นที่ทางพิเศษไม่เกิน 80 กิโลเมตร/ชั่วโมง โดยควบคุมพฤติกรรมการใช้รถด้วย GPS หากพบว่า ความเร็วเกินกำหนด สสล. จะมีหนังสือแจ้งผู้อำนวยการเขตให้พิจารณาอบรมและว่ากล่าวตักเตือน หรือลงโทษตามควรแก่กรณี และจากกรณีดังกล่าว หากสอบสวนข้อเท็จจริงแล้วพบว่า ขับรถด้วยความประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง ผู้ขับขี่จะต้องรับผิดชอบค่าเสียหายดังกล่าวด้วย