
กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) มีมุมมองต่อทิศทางค่าเงินบาทในสัปดาห์นี้ว่าเงินบาทสัปดาห์นี้มีแนวโน้มเคลื่อนไหวในกรอบ 32.30-33.00 บาท/ดอลลาร์ เทียบกับสัปดาห์ที่ผ่านมา เงินบาทปิดอ่อนค่าที่ 32.73 บาท/ดอลลาร์ หลังซื้อขายในกรอบ 32.34-32.80 บาท/ดอลลาร์ โดยเงินบาททดสอบระดับอ่อนค่าสุดในรอบกว่า 2 เดือน เงินดอลลาร์แข็งค่าเมื่อเทียบกับทุกสกุลเงินสำคัญ โดยได้แรงหนุนจากเหตุการณ์ทางการเมืองนอกสหรัฐฯที่บั่นทอนความเชื่อมั่นในเงินเยนและยูโรในระยะสั้นและบดบังผลกระทบต่อดอลลาร์จากภาวะ Government Shutdown ในสหรัฐฯ ขณะที่เงินเยนดิ่งลงสู่ระดับอ่อนค่าสุดในรอบ 8 เดือน เนื่องจากนักลงทุนมองว่าธนาคารกลางญี่ปุ่น(บีโอเจ)จะชะลอการขึ้นดอกเบี้ยออกไปหลังจากว่าที่ผู้นำรัฐบาลมีท่าทีสนับสนุนการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านนโยบายการเงินและการคลังแบบผ่อนคลาย ทางด้านเงินยูโรอ่อนค่าลงท่ามกลางวิกฤติการเมืองซึ่งส่งผลให้ต้นทุนกู้ยืมของรัฐบาลฝรั่งเศสพุ่งขึ้น อย่างไรก็ดี เงินดอลลาร์ลดช่วงบวกท้ายสัปดาห์ขณะตลาดกลับมากังวลเรื่องสงครามการค้า ทั้งนี้ นักลงทุนต่างชาติขายหุ้นและพันธบัตรไทยสุทธิ 2,519 ล้านบาท และ 1,065 ล้านบาท ตามลำดับ
สำหรับในสัปดาห์นี้ ขณะที่สถานการณ์ด้านการค้าระหว่างสหรัฐฯกับจีนตึงเครียดขึ้นอีกครั้งหลังจีนขยายมาตรการควบคุมการส่งออกแร่หายากและปธน.ทรัมป์ตอบโต้ด้วยการขู่ขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากจีนเพิ่มเติมในอัตรา 100% ตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน อนึ่ง เรายังคงคาดหวังว่าภาษี 100% จะไม่ถูกนำมาใช้และแม้จะเกิดขึ้นจริงก็ไม่น่าจะคงอยู่เป็นเวลานาน เนื่องจากทั้งสองฝ่ายไม่สามารถทนต่อภาษีในระดับสุดโต่งได้นาน อย่างไรก็ตาม ตลาดการเงินโลกจะผันผวนสูงขึ้นในระยะสั้น นอกจากนี้ นักลงทุนจะติดตามกระแสข่าวการจัดตั้งรัฐบาลในญี่ปุ่น และการตกลงเรื่องงบประมาณของฝรั่งเศส รวมถึงความเห็นประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ(เฟด)
สำหรับมุมมองสถานการณ์ภายในประเทศ คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) คงดอกเบี้ยสวนทางมุมมองของเรา ขณะที่กรรมการเสียงส่วนน้อยสองท่านโหวตให้ลดดอกเบี้ยลง 25bp เพื่อสนับสนุนการเติบโตของสินเชื่อและลดภาระหนี้ของ SME และครัวเรือนที่เปราะบาง อย่างไรก็ดี กรรมการส่วนใหญ่มุ่งเน้นไปที่การรักษาพื้นที่นโยบายที่จำกัดและปล่อยให้การลดอัตราดอกเบี้ยก่อนหน้านี้ส่งผลเต็มที่ต่อเศรษฐกิจ สัญญาณจากกนง.ประกอบกับแนวโน้มเศรษฐกิจและเงินเฟ้อที่อ่อนแรงทำให้เรายังคงประเมินว่าดอกเบี้ยนโยบายของไทยยังไม่สิ้นสุดขาลง