กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา จัดประชุมเผยแพร่ผลการศึกษาโครงการประเมินผลกระทบทางเศรษฐกิจจากการท่องเที่ยวเชิงธุรกิจ ปี 2568

ข่าวท่องเที่ยว Wednesday October 15, 2025 10:18 —ThaiPR.net

กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา จัดประชุมเผยแพร่ผลการศึกษาโครงการประเมินผลกระทบทางเศรษฐกิจจากการท่องเที่ยวเชิงธุรกิจ ปี 2568

ผลักดัน Sport Tourism และ Entertainment สู่กลไกขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย

เมื่อวันที่ 9 ตุลาคม 2568 กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา จัดประชุมเผยแพร่ผลการศึกษา "โครงการประเมินผลกระทบทางเศรษฐกิจจากการท่องเที่ยวเชิง" ณ ห้องเมย์แฟร์ บอลรูม B โรงแรมเดอะ เบอร์เคลีย์ เพื่อเผยแพร่ผลการศึกษาผลกระทบทางเศรษฐกิจจากการท่องเที่ยวเชิงธุรกิจอย่างเป็นทางการ และนำข้อมูลเชิงประจักษ์จากการวิจัยมาใช้เป็นฐานในการกำหนดยุทธศาสตร์การพัฒนาภาคการท่องเที่ยวของประเทศในอนาคตอย่างเป็นระบบ โดยมี นางวนิดา พันธ์สอาด รองปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เป็นประธานเปิดงาน พร้อมผู้แทนจากหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวเข้าร่วมอย่างคับคั่ง

กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา จัดประชุมเผยแพร่ผลการศึกษาโครงการประเมินผลกระทบทางเศรษฐกิจจากการท่องเที่ยวเชิงธุรกิจ ปี 2568

กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาได้มอบหมายให้ บริษัท ไทม์ คอนซัลติ้ง จำกัด ทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาโครงการ และนำเสนอผลการศึกษาเชิงเศรษฐกิจในครั้งนี้ โดยมุ่งวิเคราะห์รายได้ การจ้างงาน และผลกระทบจากการท่องเที่ยวเชิงธุรกิจ ครอบคลุมกิจกรรมการประชุม สัมมนา นิทรรศการ ตลอดจนกิจกรรมเชิงกีฬาและความบันเทิง โดยเก็บข้อมูลจากผู้ประกอบการ 3,082 ราย และนักท่องเที่ยวเชิงธุรกิจ 10,138 ราย ทั่วประเทศ

ผลการศึกษาพบว่า อุตสาหกรรมท่องเที่ยวเชิงธุรกิจสร้าง ค่าใช้จ่ายทางตรงรวมกว่า 575,908.50 ล้านบาท แบ่งเป็นค่าใช้จ่ายจากฝั่งผู้จัดงาน 96,635.46 ล้านบาท และจากผู้เข้าร่วมกิจกรรม 479,273.04 ล้านบาท ซึ่งสะท้อนถึงบทบาทของภาคบริการ โรงแรม การเดินทาง และกิจกรรมสนับสนุนในพื้นที่ ข้อมูลรายหัวแสดงให้เห็นว่าผู้เข้าร่วมต่างชาติใช้จ่ายเฉลี่ยต่อทริปสูงกว่าตลาดในประเทศอย่างมีนัยสำคัญ เช่น ค่าที่พักเฉลี่ยต่อทริป ไทย 3,066.71 บาท เทียบกับต่างชาติ 9,508.71 บาท และ ค่าอาหารเครื่องดื่ม ไทย 2,610.93 บาท เทียบกับต่างชาติ 14,748.27 บาท เป็นสัญญาณเชิงบวกต่อธุรกิจบริการคุณภาพและตลาดต่างประเทศ

ในช่วงบ่ายของการประชุมกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาได้จัดเวทีเสวนาเชิงวิชาการเพื่อเปิดโอกาสให้ภาคเอกชนร่วมแลกเปลี่ยนมุมมองต่อการพัฒนาอุตสาหกรรมไมซ์ในอนาคต โดยมี คุณจักรกฤษณ์ สังกิตติวรรณ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทม์ คอนซัลติ้ง จำกัด ทำหน้าที่ผู้ดำเนินรายการ พร้อมด้วย คุณจีระยุ จารุกิตติวรกานต์ เลขาธิการสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยและคณะกรรมการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย และคุณศุภวรรณ ถนอมเกียรติภูมิ กรรมการปฏิคมประธานคณะกรรมการการท่องเที่ยวคุณภาพสูงหอการค้าไทยร่วมเสวนาในหัวข้อ"Game Changer to Destination Next: พลิกโฉมเศรษฐกิจไทยด้วย Sport Tourism & Entertainment Event และการปักธงไทยสู่เจ้าภาพอีเวนต์ระดับโลก"

การเสวนามุ่งสะท้อนแนวทางการพัฒนาเมืองให้พร้อมรองรับการจัดอีเวนต์ระดับนานาชาติ ผ่านการสร้างแบรนด์เมือง (City Branding) การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน และการต่อยอด Soft Power ของไทย เพื่อเสริมขีดความสามารถในการแข่งขันทางเศรษฐกิจ พร้อมเปิดโอกาสให้ภาคเอกชนในพื้นที่เข้ามามีบทบาทมากขึ้น ทั้งในฐานะผู้จัดงาน ผู้สนับสนุน และผู้พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านไมซ์ เช่น สถานที่จัดงาน ระบบโลจิสติกส์ และบริการสนับสนุนอื่น ๆ

คุณศุภวรรณ ถนอมเกียรติภูมิ ได้ร่วมแชร์มุมมองว่า การจัดอีเวนต์ให้เกิดความต่อเนื่องและยั่งยืนจำเป็นต้องมีการ "ต่อยอด" อยู่เสมอ เพราะปัจจุบัน Sport Event ไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะในเมืองหลักเท่านั้น แต่ได้ขยายไปมากกว่า 10-20 จังหวัดทั่วประเทศ ซึ่งความสำเร็จของการจัดงานขึ้นอยู่กับความร่วมมือระหว่างหน่วยงานรัฐ ภาคเอกชน และคนในพื้นที่ ที่ต้องขับเคลื่อนไปในทิศทางเดียวกัน เพื่อให้การจัดงานสร้างมูลค่าได้จริง ขณะที่ คุณจีระยุ จารุกิตติวรกานต์ ได้ร่วมแสดงความคิดเห็นถึงแนวทางการพัฒนาเมืองในมิติของการท่องเที่ยวเชิงธุรกิจว่า อัตลักษณ์ที่แท้จริงของแต่ละจังหวัดคือหัวใจสำคัญของการสร้างจุดขาย และสิ่งที่ต้องให้ความสำคัญควบคู่กันคือ "การสื่อสาร การประชาสัมพันธ์ และการขาย" เพื่อให้แต่ละพื้นที่สามารถนำเสนอศักยภาพของตนได้อย่างตรงจุดและเกิดผลเชิงเศรษฐกิจที่เป็นรูปธรรมการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในเวทีครั้งนี้ช่วยตอกย้ำถึงความสำคัญของ "ความร่วมมือแบบบูรณาการ" ระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชน และชุมชนท้องถิ่น ในการยกระดับอุตสาหกรรมไมซ์ของไทยให้เติบโตอย่างมีศักยภาพ

จากผลการศึกษาครั้งนี้ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเห็นว่า การเติบโตของอุตสาหกรรมไมซ์และ Sport Tourism ไม่เพียงสร้างรายได้โดยตรงให้กับประเทศ แต่ยังเป็นกลไกสำคัญในการกระจายรายได้สู่เมืองรอง เสริมเศรษฐกิจฐานราก และสร้างการจ้างงานในภาคบริการอย่างยั่งยืน ข้อมูลเชิงตัวเลขจากการศึกษาจะถูกนำไปใช้เป็นฐานในการกำหนดยุทธศาสตร์การส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงธุรกิจในระยะต่อไป เพื่อให้ไทยสามารถใช้ศักยภาพด้าน Soft Power และความพร้อมของโครงสร้างพื้นฐานผลักดันประเทศสู่การเป็นศูนย์กลางไมซ์และอีเวนต์ของภูมิภาคได้อย่างแท้จริง


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ