นางดวงพร ปิณจีเสคิกุล ผู้อำนวยการสำนักอนามัย (สนอ.) กทม. กล่าวถึงมาตรการเชิงรุกในการเฝ้าระวัง ป้องกัน และลดความเสี่ยงต่อการเจ็บป่วยจากโรคติดต่อและภัยสุขภาพต่าง ๆ ในช่วงฤดูหนาวว่า สนอ. ได้ส่งเสริมความรู้และให้คำแนะนำแก่ประชาชนเกี่ยวกับวิธีดูแลรักษาสุขภาพและสุขอนามัย โดยเฉพาะเด็กเล็ก ผู้สูงอายุ ผู้ป่วยติดเตียง และผู้ที่มีโรคประจำตัว ซึ่งมีความเสี่ยงต่อการเจ็บป่วยได้ง่าย โดยขอความร่วมมือจากสำนักงานเขตพื้นที่และสำนักการศึกษา (สนศ.) รวมถึงหน่วยงานในสังกัด สนอ. ประชาสัมพันธ์วิธีการดูแลตนเองในช่วงฤดูหนาวและโรคติดต่อที่พบบ่อยในฤดูหนาว ฯลฯ ให้ประชาชน นักเรียน นักศึกษา และกลุ่มเสี่ยงได้รับทราบ พร้อมทั้งจัดทำ Infographic โรคไข้หวัดใหญ่ที่แสดงแนวโน้มจำนวนผู้ป่วยด้วยโรคไข้หวัดใหญ่ในปี 2568 และข้อมูลของโรค รวมถึงวิธีการป้องกัน เพื่อประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนได้รับทราบ เนื่องจากโรคติดต่อทางเดินหายใจเป็นโรคติดต่อที่พบบ่อยในช่วงฤดูหนาว
นายเพชรพงษ์ กำจรกิจการ รองผู้อำนวยการสำนักการแพทย์ (สนพ.) กทม. รักษาราชการแทน ผอ.สนพ. กล่าวว่า สนพ. ได้สั่งการให้โรงพยาบาลในสังกัดทั้ง 11 แห่ง เตรียมพร้อมมาตรการเชิงรุกด้านสุขภาพและการแพทย์ เพื่อดูแลประชาชน โดยติดตามประเมินสถานการณ์ของโรคติดต่อและภัยสุขภาพอย่างต่อเนื่อง หากโรงพยาบาลมีการรายงานข้อมูลการระบาดและแจ้งทีมสอบสวนโรคเคลื่อนที่เร็ว (SRRT) ร่วมกับศูนย์บริการสาธารณสุข สนอ. เพื่อสอบสวนและควบคุมโรคหากเกิดการระบาดในพื้นที่ ให้การวินิจฉัยและรักษาผู้ป่วยตามแนวทางการรักษาของโรคอย่างถูกต้อง สำรองยาและเวชภัณฑ์สำหรับการรักษาผู้ป่วยให้เพียงพอ จัดเตรียมวัคซีนป้องกันควบคุมโรคในฤดูหนาว เช่น โรคหัด โรคไข้หวัดใหญ่ โรคปอดอักเสบ และโรคอุจจาระร่วงเฉียบพลัน สำหรับผู้ป่วยกลุ่มเสี่ยงและกลุ่มปราะบาง ขณะเดียวกันยังได้ส่งเสริมความรู้และให้คำแนะนำแก่ประชาชน โดย สนพ. และโรงพยาบาลในสังกัดได้จัดทำและเผยแพร่แนวทางการดูแลสุขภาพ เพื่อป้องกันโรคติดต่อและภัยสุขภาพในช่วงฤดูหนาวอย่างต่อเนื่อง และให้คำแนะนำแก่ประชาชนทั่วไปและกลุ่มเสี่ยงเป็นพิเศษ (เด็กเล็ก ผู้สูงอายุ ผู้ป่วยติดเตียง ผู้มีโรคประจำตัว) ได้แก่ การสร้างความอบอุ่นให้กับร่างกาย โดยสวมใส่เสื้อผ้าหนา หรือห่มผ้า เพื่อรักษาอุณหภูมิร่างกายให้อบอุ่นอยู่เสมอ ไม่ควรดื่มสุราแก้หนาว เพราะอาจเสี่ยงต่อภาวะหัวใจวายและเสียชีวิตได้ รักษาสุขอนามัยที่ดี เลือกรับประทานอาหารที่ปรุงสุกใหม่ สะอาด ครบ 5 หมู่ และดื่มน้ำอุ่น หลีกเลี่ยงสถานที่แออัด หากจำเป็นให้สวมหน้ากากอนามัย และล้างมือบ่อย ๆ การดูแลผิวหนัง ทาโลชั่น หรือน้ำมัน เพื่อป้องกันผิวแห้งแตก โดยเฉพาะในผู้สูงอายุและผู้ป่วยเบาหวาน การพักผ่อนและการออกกำลังกาย นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ และออกกำลังกายสม่ำเสมอ พร้อมทั้งการให้ความรู้เชิงรุก จัดกิจกรรมสุขศึกษาเกี่ยวกับโรคในฤดูหนาวแก่ประชาชนในพื้นที่และผู้มารับบริการในโรงพยาบาล รวมถึงการประชาสัมพันธ์ผ่านช่องทางสื่อสาธารณะต่าง ๆ
ส่วนแนวโน้มสถานการณ์ผู้ป่วยโรคติดต่อและภัยสุขภาพในช่วงฤดูหนาว โดยโรคติดต่อที่มักพบและมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นในช่วงฤดูหนาว ได้แก่ กลุ่มโรคระบบทางเดินหายใจ เช่น ไข้หวัดใหญ่ ปอดอักเสบ โควิด-19 และกลุ่มโรคติดต่อทางเดินอาหาร เช่น โรคอุจจาระร่วงเฉียบพลันจากเชื้อไวรัส เช่น โรต้า โนโรไวรัส เป็นต้น นอกจากนี้ ยังต้องเฝ้าระวังภัยสุขภาพจากสภาพอากาศแปรปรวน เช่น ภาวะผิวหนังแห้ง หรือการเสียชีวิตจากอากาศหนาว (ภัยหนาว) โดยเฉพาะประชาชนในกลุ่มเสี่ยง กลุ่มเปราะบาง ทั้งนี้ หากประชาชนเกิดภาวะความเจ็บป่วยสามารถมาพบแพทย์ โดยนัดหมายผ่านแอปพลิเคชัน "หมอ กทม." หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สายด่วนสุขภาพ สนพ. กทม. โทร. 1646 ตลอด 24 ชั่วโมง