
บอร์ดเคาะจ่ายปันผล 0.15 บาทต่อหุ้น ขึ้นเครื่องหมาย XD วันที่ 17 พ.ย.นี้ ส่งสัญญาณไตรมาส 4/68 โตต่อเนื่องรับไฮซีซันธุรกิจ
บมจ.เอเชีย เน็ตเวิร์ค อินเตอร์เนชั่นแนล หรือ ANI โชว์ผลการดำเนินงานไตรมาส 3/2568 เติบโตแข็งแกร่งจากไตรมาสก่อนหน้า รับดีมานด์ฟื้นตัวโดยเฉพาะจีนที่ส่งออกสินค้าเพิ่มขึ้น ส่งผลทำรายได้จากการให้บริการ 1,903.4 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 146.1 ล้านบาท เติบโต 4.4% และ 7.5% จากไตรมาสก่อนหน้าตามลำดับ ส่งสัญญาณผลงานไตรมาส 4/2568 เติบโตต่อเนื่อง รับธุรกิจเข้าสู่ไฮซีซัน
นายสุทธิพล ภุมรินทร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายการเงิน บริษัท เอเชีย เน็ตเวิร์ค อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ ANI ผู้นำธุรกิจตัวแทนขายระวางสินค้าสายการบินหรือ Cargo General Sales Agent (GSA) เปิดเผยผลการดำเนินงานไตรมาส 3/2568 (กรกฎาคม - กันยายน) สามารถสร้างการเติบโตอย่างแข็งแกร่งจากไตรมาสก่อนหน้า จากความต้องการการขนส่งสินค้าทางอากาศที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะรายได้จากประเทศจีนซึ่งเติบโตอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้บริษัทฯ มีรายได้จากการให้บริการ 1,903.4 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 146.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.4% และ 7.5% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า
ขณะที่ภาพรวมผลการดำเนินงานงวด 9 เดือนแรกปี 2568 มีรายได้จากการให้บริการ 5,399.3 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 420.2 ล้านบาท ชะลอตัวจากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากในช่วงครึ่งปีแรกได้รับผลกระทบจากภาพรวมการแข่งขันสูงขึ้นของธุรกิจสายการบิน ความไม่แน่นอนการเจรจาภาษีตอบโต้ของประเทศต่างๆ กับสหรัฐอเมริกา และค่าระวางชะลอตัว
อย่างไรก็ตาม เพื่อตอบแทนผู้ถือหุ้น ล่าสุดที่ประชุมคณะกรรมการ (บอร์ด) บริษัทฯ มีมติอนุมัติจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลจากผลการดำเนินงานงวด 9 เดือนแรกปี 2568 ในอัตรา 0.15 บาทต่อหุ้น รวมเป็นเงิน 277.2 ล้านบาท กำหนดขึ้นเครื่องหมาย XD วันที่ 17 พฤศจิกายน 2568 และจ่ายเงินปันผลแก่ผู้ถือหุ้นวันที่ 2 ธันวาคม 2568
รายงานข่าวจากบริษัท เอเชีย เน็ตเวิร์ค อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ ANI เปิดเผยเพิ่มเติมว่า ภาพรวมอุตสาหกรรมขนส่งสินค้าทางอากาศไตรมาสสุดท้ายมีแนวโน้มฟื้นตัวต่อเนื่องจากไตรมาสก่อนหน้า เนื่องจากเป็นไฮซีซันที่ผู้ประกอบการจากอุตสาหกรรมต่างๆ จะเร่งเพิ่มสต๊อกสินค้า เพื่อรับดีมานด์ในช่วงปลายปีถึงต้นปี 2569 ขณะที่ภาพรวมค่าระวางเริ่มปรับเพิ่มขึ้นในไตรมาสสุดท้าย หลังจากผ่านจุดต่ำสุดในไตรมาส 2/2568
ส่วนแนวโน้มผลการดำเนินงานของบริษัทฯ ในไตรมาสสุดท้ายคาดว่าจะเติบโตต่อเนื่อง โดยจะได้รับผลดีจากการเข้าสู่ช่วงไฮซีซั่นของธุรกิจ ส่งผลให้มีความต้องการขนส่งสินค้าทางอากาศเพิ่มขึ้น และความแข็งแกร่งจากการเป็นตัวแทนขายและให้บริการขนส่งสินค้าทางอากาศแก่สายการบินชั้นนำกว่า 20 สายการบิน ครอบคลุม 9 ประเทศและเขตปกครองพิเศษ ได้แก่ ไทย, สิงคโปร์, เวียดนาม, เขตปกครองพิเศษฮ่องกง, จีน, มาเลเซีย, กัมพูชา เมียนมา และอินเดีย